พรรคเพื่อไทย ออกแถลงการณ์เสนอให้รัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คืนสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นต่อร่างรัฐธรรมนูญให้ประชาชนโดยไม่มีข้อจำกัดใด ๆ เพื่อให้เกิดบรรยากาศการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญที่เสรี (Free) และเป็นธรรม (Fair) อันเป็นที่ยอมรับของประชาชนทั้งในประเทศและนานาอารยประเทศต่อไป
ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยเห็นว่า การออกเสียงประชามติมีความสำคัญและมีความหมายอย่างยิ่ง เพราะเป็นการกำหนดทิศทางอนาคตของประเทศ และการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญต้องมีหลักประกัน 2 ประการ ได้แก่ 1) ต้องเสรี (Free) โดยประชาชนต้องมีสิทธิและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญอย่างเต็มที่ ต้องเปิดโอกาสให้มีการให้ความเห็นและถกเถียงถึงข้อดีและข้อเสียของร่างรัฐธรรมนูญอย่างอิสระ และ 2) ต้องเป็นธรรม (Fair) โดยประชาชนทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญต้องมีโอกาสที่จะเผยแพร่/รณรงค์เสนอความคิดเห็นต่อสาธารณะได้อย่างเสมอภาคเท่าเทียมกัน
นับแต่ได้มีการนำเสนอ พ.ร.บ. ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2559 เข้าสู่การพิจารณาของผู้มีอำนาจในปัจจุบัน ได้มีการสร้างบรรยากาศที่ไม่เอื้ออำนวยในการแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญ มีการชี้นำห้ามประชาชนกระทำการใดๆ โดยจะถือว่าเป็นความผิด มีการแปรญัตติตัดข้อความที่ควรเป็นสิทธิเสรีภาพของประชาชนออก ใช้ถ้อยคำที่กำกวมยากจะเข้าใจได้ว่าสิ่งใดทำได้ สิ่งใดทำไม่ได้ เปิดช่องให้เจ้าหน้าที่ใช้ดุลยพินิจตีความการกระทำของบุคคลได้อย่างกว้างขวาง เพื่อปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นของประชาชน มิให้วิพากษ์วิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญได้อย่างเสรี เป็นการใช้มาตรการทางกฎหมาย เพื่อจำกัดสิทธิ เสรีภาพในการแสดงออกของประชาชน เป็นไปตามความต้องการของผู้มีอำนาจ ซึ่งขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนและหลักการของการทำประชามติ
ในขณะเดียวกัน พ.ร.บ. ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2559 ยังได้ให้อำนาจข้าราชการและบุคลากรฝ่ายรัฐสามารถรณรงค์/โน้มน้าวประชาชนให้รับร่างรัฐธรรมนูญได้อย่างเปิดเผย ซึ่งโดยส่วนใหญ่ดำเนินการโดยใช้งบประมาณของรัฐ ซึ่งมาจากภาษีประชาชน ในทางตรงกันข้ามประชาชนฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญกลับไม่สามารถแสดงความคิดเห็นต่อร่างรัฐธรรมนูญในลักษณะเช่นเดียวกันนั้นได้
ดังนั้น พรรคเพื่อไทยเห็นว่าปัญหาดังกล่าวจะนำไปสู่การมีรัฐธรรมนูญที่ไม่ได้รับการยอมรับ ประชามติที่ขาดความชอบธรรม ฝ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องจะต้องหาหนทางแก้ไขและหาข้อยุติโดยเร็ว