ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งรับพิจารณาคำร้องของผู้ตรวจการแผ่นดินที่ขอให้พิจารณาวินิจฉัยว่า พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2559 มาตรา 61 วรรคสอง เป็นบทบัญญัติที่จำกัดสิทธิและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชนเกินความจำเป็น และกระทบกระเทือนสาระสำคัญแห่งสิทธิและเสรีภาพ มีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 มาตรา 4 หรือไม่
"เมื่อวานนี้ (7 มิ.ย.) ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า คำร้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะรับไว้พิจารณาวินิจฉัยได้ จึงมีคำสั่งรับคำร้องนี้ไว้พิจารณาวินิจฉัย" เอกสารเผยแพร่ของศาลรัฐธรรมนูญ ระบุ
โดยศาลรัฐธรรมนูญได้มีหนังสือแจ้งผู้ร้องทราบ พร้อมทั้งเรียกเอกสารที่เกี่ยวข้องจากคณะกรรมการการเลือกตั้งและสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ในส่วนของเจตนารมณ์ ความเป็นมา และเหตุผล ในการบัญญัติมาตรา 61 วรรคสองแห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2559 รวมทั้งข้อมูลอื่นใดที่เห็นว่าเกี่ยวข้อง เพื่อประโยชน์แห่งการพิจารณาของศาล โดยให้ยื่นต่อศาลภายใน 7 วันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือ ทั้งนี้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 มาตรา 45 วรรคสอง ประกอบข้อกำหนดศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาและการทำคำวินิจฉัย พ.ศ.2550 ข้อ 17 (18), ข้อ 25, ข้อ 27 และข้อ 45
สำหรับ พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2559 มาตรา 61 วรรคสอง บัญญัติไว้ว่า "ผู้ใดดำเนินการเผยแพร่ข้อความ ภาพ เสียง ในสื่อหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือในช่องทางอื่นใด ที่ผิดไปจากข้อเท็จจริงหรือมีลักษณะรุนแรง ก้าวร้าว หยาบคาย ปลุกระดม หรือข่มขู่ โดยมุ่งหวังเพื่อให้ผู้มีสิทธิออกเสียงไม่ไปใช้สิทธิออกเสียง หรือออกเสียงอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือไม่ออกเสียง ให้ถือว่าผู้นั้นกระทำการก่อความวุ่นวายเพื่อให้การออกเสียงไม่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย"