นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือในการเชื่อมโยงข้อมูลในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ในส่วนภูมิภาค เพื่ออำนวยความสะดวกในการขออนุญาตของทางราชการ ร่วมกับ 6 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กรมการจัดหางาน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จ.เชียงใหม่ จ.ภูเก็ต และสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน)
โดยระบุว่า เหตุที่ประเทศไทยเพิ่งจะดำเนินการในส่วนนี้ เนื่องจากที่ผ่านมามีข้อจำกัดหลายอย่าง เช่น เทคโนโลยี ความร่วมมือจากหลายฝ่าย ซึ่งต้องมีความเชื่อมโยงซึ่งกันและกัน นอกจากนี้ความไม่สะดวกสบายในการทำธุรกิจเป็นอุปสรรคสำคัญอย่างหนึ่ง ซึ่งที่ผ่านมามักแก้ไขด้วยการที่นักธุรกิจยอมจ่ายเงินใต้โต๊ะเพื่อแลกกับความสะดวกสบายที่จะได้รับ
"ความไม่สะดวกถือเป็นทุกข์อย่างหนึ่งของผู้เกี่ยวข้อง ทั้งนักธุรกิจ ชาวบ้าน ใครไม่เจอกับตัวไม่รู้ ซึ่งวิธีแก้ในอดีตคือให้เงินใต้โต๊ะเพื่อซื้อความสะดวก แต่นั่นก็ทำให้ผู้อื่นเกิดความไม่สะดวก เช่น ถูกกีดกัน ถามนักธุรกิจทำไมต้องจ่ายใต้โต๊ะ ก็เพราะถ้าเข้ากลไกปกติมันไม่สะดวก ได้รับผลกระทบเรื่องความล่าช้า ดังนั้นการจ่ายเงินจึงคุ้มค่ากว่า" นายวิษณุ กล่าว
พร้อมระบุว่า ถ้าขจัดความไม่สะดวกได้จะช่วยคลี่คลายปัญหาต่างๆ ได้มาก รัฐบาลจึงต้องผลักดัน พ.ร.บ.การอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ เมื่อปี 2558 หรือกฎหมายอำนวยความสะดวก เพื่อต้องการขจัดความไม่รู้ต่างๆ ของประชาชนหรือผู้ติดต่อขออนุญาตทางราชการ กำหนดให้ทุกหน่วยงานรัฐออกคู่มือให้ประชาชน หากจะติดต่อขออนุญาตเรื่องนั้นๆ จะมีขั้นตอนหรือใช้ระยะเวลาเท่าไร ส่วนเรื่องเอกสารทะเบียนราษฎรก็ไม่จำเป็นต้องเรียกจากประชาชนอีก เพราะหน่วยงานรัฐมีฐานข้อมูลอยู่แล้ว รวมถึงข้อมูลที่มีลักษณะเฉพาะ จะเชื่อมโยงระบบให้สามารถเรียกข้อมูลผ่านหน่วยงานต่อหน่วยงานได้
นายวิษณุ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบข้าราชการ (ก.พ.ร.) ได้รับดำเนินการจนนำไปสู่การลงนามบันทึกความตกลงกับ 4 หน่วยงานแล้ว เมื่อเดือนธ.ค.58 ดังนั้นวันนี้จึงถือเป็นการขยายเพิ่มไปอีก 6 หน่วยงานเข้ามาเชื่อมโยงข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่ออำนวยความสะดวกในการบริการแก่ผู้ที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนในการขอวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน โดยจะพัฒนาระบบยื่นคำขอและพิจารณาคำขอแบบออนไลน์ และเป็นการพัฒนาเชื่อมโยงข้อมูลเพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาขนในภูมิภาค โดยนำร่องที่ จ.เชียงใหม่ และ จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นสมาร์ทซิตี้
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กำชับในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ต้องการให้ตั้งศูนย์บริการวันสต๊อปเซอร์วิสให้กับประชาชนในพื้นที่สาธารณะต่างๆ เช่น ห้างสรรพสินค้า โดยมีความเชื่อมโยงของหน่วยราชการ ซึ่งเบื้องต้นขอให้เริ่มจากการเชื่อมโยงภายในกระทรวงข้ามกรมต่างๆ ก่อน แต่สิ่งที่นายกฯ อยากเห็นคือการเชื่อมโยงข้อมูลถึงกันทั้ง 20 กระทรวง ซึ่งเป็นอีกภารกิจของรัฐบาลที่ต้องดำเนินการ