นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชี้แจงกรณีโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw) และสมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.) พร้อมกับประชาชนอีก 11 คน ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองสูงสุดพิจารณาคำสั่งบรรเทาทุกข์ชั่วคราว และให้มีการพิพากษาโดยเร่งด่วน เพื่อขอให้งดการบังคับใช้ประกาศ กกต. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการแสดงความคิดเห็นในการออกเสียงประชามติ พ.ศ.2559 เพื่อให้ประชาชนมีเสรีภาพในการรณรงค์ แสดงความคิดเห็นและแสดงออกทางการเมืองได้ว่า ประกาศของ กกต.เป็นการออกประกาศอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2559 ซึ่งเรื่องนี้ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยแล้วว่า พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติฯ มาตรา 61 วรรคสอง ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 จึงถือว่าประกาศของ กกต.นั้นชอบด้วยกฏหมาย
อนึ่ง เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายจอน อึ๊งภากรณ์ ผู้อำนวยการโครงการอินเตอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw) ยื่นฟ้องศาลปกครองสูงสุด ขอให้เพิกถอนประกาศของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการแสดงความคิดเห็นในการออกเสียงประชามติพ.ศ. 2559 โดยให้เหตุผลว่าเป็นประกาศที่ขัดต่อหลักสิทธิเสรีภาพและหลักประชาธิปไตย รวมถึงหลักกฎหมายทั้งของไทยและพันธกรณีระหว่างประเทศ และขอยุติการออกอากาศรายการ “7 สิงหาประชาร่วมใจ” ซึ่งผลิตโดย กกต. เพราะไม่เปิดโอกาสให้กับฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยหรือมีความเห็นแย้งกับร่างรัฐธรรมนูญได้ร่วมรายการอย่างเท่าเทียม นายสมชัย ยืนยันว่า กกต.พร้อมน้อมรับคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุดในทุกกรณี ซึ่งหากศาลตัดสินว่า กกต.ผิด กกต.ก็ยินดีที่จะปรับปรุงและแก้ไขตลอดเวลา ขณะเดียวกันได้ตั้งคำถามกลับไปยังกลุ่ม iLaw ว่าพร้อมน้อมรับคำวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุดหรือไม่ ไม่ว่าคำวินิจฉัยจะออกมาเป็นอย่างไร
สำหรับข้อกังวลที่กลุ่ม iLaw ระบุว่า ประกาศของ กกต.มีเนื้อหาคลุมเครือ ไม่ชัดเจน ตัวอย่างเช่น กรณีการห้ามชักชวนให้ใส่เสื้อ หรือติดป้าย หรือเครื่องหมายที่แสดงสัญลักษณ์ เพื่อนำไปสู่การปลุกระดมทางการเมืองนั้น นายสมชัย ชี้แจงว่า ที่ผ่านมาพบว่ามีการดำเนินการชักชวนให้ใส่เสื้อ หรือแจกเสื้อ แต่ยังไม่เข้าข่ายปลุกระดมทางการเมือง จึงถือว่ายังสามารถดำเนินการได้ไม่ขัดต่อกฏหมายแต่อย่างใด
ส่วนข้อเรียกร้องให้ระงับการออกอากาศรายการ "7 สิงหา ประชามติร่วมใจ" ที่ กกต.เผยแพร่และประชาสัมพันธ์ร่างรัฐธรรมนูญผ่านทางสถานีวิทยุและสถานีโทรทัศน์ต่างๆ ไปจนกว่าจะแก้ไขและเปิดโอกาสให้ฝ่ายที่มีความเห็นแย้งต่อร่างรัฐธรรมนูญเข้าร่วมมีสัดส่วนเท่าเทียมกันนั้น นายสมชัย ยืนยันว่า เป็นการตัดสินใจของสถานีโทรทัศน์แต่ละช่องจะเป็นผู้พิจารณา โดย กกต.จะไม่เข้าแทรกแซง และจากการพิจารณาผังรายการของสถานีโทรทัศน์ต่างๆ ที่มีการเชิญวิทยากรมาร่วมรายการถือว่ามีความเท่าเทียมทั้งจากฝ่ายที่เห็นด้วยและเห็นต่าง