พลตรี สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลขอเชิญชวนผู้ว่างงานหรือผู้มีรายได้ไม่เกิน 1 แสนบาทต่อปี สัญชาติไทย และอายุ 18 ปีขึ้นไป เข้าร่วมโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยโดยตรงอย่างถูกต้องและเหมาะสม โดยรัฐบาลมีฐานข้อมูลที่สามารถใช้ประโยชน์ได้
"ท่านนายกฯ อยากให้พี่น้องประชาชนใช้โอกาสที่ได้อยู่ร่วมกันในวันหยุดยาวนี้สำรวจตรวจสอบว่า มีญาติพี่น้องหรือบุคคลใกล้ชิดในครอบครัวเข้าข่ายคุณสมบัติดังกล่าวหรือไม่ โดยสามารถไปลงทะเบียนด้วยความสมัครใจได้ที่ ธ.กรุงไทย ธ.ออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ทุกสาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่บัดนี้ – 15 ส.ค.59 และจะต้องยินยอมเปิดเผยข้อมูล เช่น รายได้ ทรัพย์สิน เจ้าหนี้ และจำนวนหนี้สินที่คงค้าง เป็นต้น" โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว
พร้อมระบุว่า เมื่อลงทะเบียนแล้ว ธนาคารทั้ง 3 แห่ง จะส่งข้อมูลไปยังกรมสรรพากร เพื่อจัดเก็บข้อมูลและตรวจสอบความถูกต้อง และจะเชื่อมโยงไปยังฐานข้อมูลทะเบียนราษฎรของกระทรวงมหาดไทย เพื่อประมวลผลข้อมูลผู้มีรายได้น้อย และนำไปใช้จัดสวัสดิการสังคมแก่ประชาชนในระยะต่อไป
"ผู้ที่ลงทะเบียนไม่ต้องวิตกกังวลว่าเมื่อให้ข้อมูลกับทางภาครัฐแล้วจะต้องเสียภาษี เพราะหากเป็นผู้ว่างงานหรือมีรายได้น้อยไม่ถึงเกณฑ์ที่รัฐกำหนดก็ไม่เข้าข่ายผู้เสียภาษีอยู่แล้ว ในทางตรงกันข้าม หากผู้มีรายได้น้อยไม่ไปลงทะเบียนก็อาจจะเสียสิทธิ์รับสวัสดิการจากภาครัฐ เช่น รถไฟฟรี รถเมล์ฟรี หรือสวัสดิการอื่นๆ ที่จะมีขึ้นในอนาคตได้" พลตรี สรรเสริญ กล่าว
อย่างไรก็ตาม หากประชาชนไปลงทะเบียนไม่ทันในปีนี้ ยังสามารถดำเนินการได้ในปีต่อๆ ไป โดยรัฐบาลจะเปิดรับลงทะเบียน ระหว่างวันที่ 1 – 30 ก.ย. ของแต่ละปี
ทั้งนี้ โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ เป็นหนึ่งในการบูรณาการฐานข้อมูลสวัสดิการสังคมตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ ที่ต้องการแก้ไขปัญหาข้อมูลประชาชนที่กระจัดกระจายอยู่หลายแห่ง ไม่มีข้อมูลของผู้มีรายได้น้อยรายบุคคลที่บูรณาการข้ามหน่วยงาน ทำให้ภาครัฐไม่สามารถจัดสวัสดิการสังคม หรือกำหนดนโยบายให้เงินช่วยเหลือได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย เช่น สวัสดิการสำหรับเด็กและครอบครัว คนพิการ ผู้ด้อยโอกาส ผู้สูงอายุ หรือสวัสดิการด้านการศึกษา และสุขภาพอนามัย เป็นต้น