เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 43/2559 เรื่อง ประกาศรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบเพิ่มเติม ครั้งที่ 4 โดยระบุว่า ตามที่มีคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 16/2558 เรื่อง มาตรการแก้ปัญหาเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบและการกำหนดกรอบอัตรากำลังชั่วคราว ลงวันที่ 15 พ.ค. 58 และคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 19/2558 เรื่อง แต่งตั้งและให้เจ้าหน้าที่ของรัฐดำรงตำแหน่งและปฏิบัติหน้าที่อื่น ลงวันที่ 25 มิ.ย.58 นั้น โดยหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบได้เสนอรายงานเพิ่มเติมเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบจึงจำเป็นต้องประกาศรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐเพิ่มเติมจากรายชื่อตามบัญชีแนบท้ายคำสั่งดังกล่าว ตามความในข้อ 5 ของคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 16/2558 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 หัวหน้า คสช.
โดยความเห็นชอบของ คสช.จึงมีคำสั่งให้ผู้ที่มีรายชื่อในกลุ่มที่ 1 ผู้บริหารสถานศึกษาจำนวน 2 ราย และกลุ่มที่ 2 ข้าราชการพลเรือนจำนวน 8 ราย ตามบัญชีแนบท้ายคำสั่ง ระงับการปฏิบัติราชการหรือหน้าที่ในตำแหน่งเดิมเป็นการชั่วคราว
และให้ผู้มีรายชื่อในกลุ่มที่ 3 ผู้บริหารและผู้มีตำแหน่งในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจำนวน 40 ราย ตามบัญชีแนบท้ายคำสั่ง ระงับการปฏิบัติราชการหรือหน้าที่ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ดำรงตำแหน่งอยู่เป็นการชั่วคราวโดยไม่ได้รับค่าตอบแทน
นอกจากนี้ ให้ผู้มีรายชื่อในกลุ่มที่ 4 ข้าราชการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจำนวน 10 ราย ตามบัญชีแนบท้ายคำสั่ง ไปช่วยราชการที่ศาลากลางจังหวัดที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้นตั้งอยู่หรือสถานที่ราชการอื่นในจังหวัดนั้น ๆ ตามที่ผู้ว่าราชการจังหวัดกำหนด แต่ต้องมิใช่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ผู้นั้นปฏิบัติหน้าที่อยู่เดิม โดยไม่ต้องมีคำร้องขอ และให้ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดมอบหมายเป็นผู้บังคับบัญชามีอำนาจมอบหมายให้ผู้นั้นปฏิบัติงานตามความเหมาะสม
ในกรณีนี้ มิให้บุคคลดังกล่าวได้รับเงินประจำตำแหน่งและสิทธิเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการชั่วคราว ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น พ.ศ.2555 อันเนื่องจากการไปช่วยราชการตามคำสั่งนี้
เมื่อศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) แจ้งข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้มีรายชื่อในกลุ่มที่ 1 ถึงกลุ่มที่ 4 ต่อหน่วยงานต้นสังกัดแล้ว เพื่อความเป็นธรรมแก่ผู้มีรายชื่อดังกล่าว ให้หน่วยงานต้นสังกัดเร่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงหรือสอบสวนเพื่อดำเนินการทางวินัยโดยเร็ว
ในกรณีไม่พบว่ามีความผิดหรือการกระทำไม่ถึงขั้นทุจริตและควรกลับไปดำรงตำแหน่งหรือปฏิบัติหน้าที่เดิมได้ ให้หน่วยงานต้นสังกัดรายงานนายกรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาเปลี่ยนแปลงคำสั่งต่อไป