อาสาสมัครองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย (พีเน็ต) ในหลายจังหวัดมีความห่วงใยต่อสถานการณ์การออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญและคำถามพ่วงก่อนวันที่ 7 ส.ค.59 และกังวลใจที่ประชาชนยังไม่รับทราบถึงเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญ ไม่ทราบกฏระเบียบ ขั้นตอนต่าง ๆ ที่ควรพึงปฏิบัติตามสิทธิของผู้มีสิทธิออกเสียง ทำให้เกิดเหตุทำผิดกฏหมายโดยไม่รู้ตัวในบางจังหวัด
"จากการสอบถามประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไปทราบว่า เกือบทุกคนที่ถูกถาม นอกจากจะไม่เคยเห็นร่างรัฐธรรมนูญ ไม่มีความเข้าใจในเนื้อหารัฐธรรมนูญอย่างแท้จริง หลายคนไม่ให้ความสนใจแม้แต่จะไปออกเสียงในครั้งนี้ เมื่อสอบถามผู้ที่จะไปหย่อนบัตรออกเสียงประชามติ ทราบว่าจะไปด้วยความฉาบฉวย ไม่ได้พยายามทำความเข้าใจเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญที่สื่อต่าง ๆ เริ่มนำเสนอ แต่กลับใช้การออกเสียงประชามติเป็นเครื่องมือในการแสดงออกทางการเมืองมากกว่า" เอกสารเผยแพร่ของพีเน็ต ระบุ
เนื่องจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) , คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และคณะกรรมการ่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ต่างเข้าใจของว่าเอกสารร่างรัฐธรรมนูญจำนวนหนึ่งล้านฉบับจะเป็นหนทางสำคัญที่ผู้มีสิทธิออกเสียงจำนวนเกือบ 50 ล้านคนได้เข้าถึง ได้อ่านอย่างทั่วถึง โดยเชื่อว่า ประชาชนส่วนใหญ่ใช้สื่อออนไลน์อ่านรัฐธรรมนูญนั้น เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เพราะคนไทยจำนวนมากโดยเฉพาะในท้องถิ่นชนบทไม่ได้เข้าถึงสื่อออนไลน์ และยังต้องใช้เวลามากเพื่อศึกษา พูดคุย ทำความเข้าใจเนื้อหารัฐธรรมนูญที่มีอยู่ถึง 279 มาตรา (ใน 16 หมวด กับ 1 บทเฉพาะกาล) คนจำนวนมากยังไม่เข้าใจเนื้อหาหลัก ๆ อีกทั้งข้อมูลการวางขั้นตอนการปฏิรูปประเทศในด้านต่าง ๆ ไม่มีการสรุปสาระสำคัญเพื่อให้ประชาชนใช้ประกอบการตัดสินใจ เมื่อออกเสียง "เห็นชอบ" หรือ "ไม่เห็นชอบ" ไปแล้วจะมีผลอย่างไรกับชีวิตของตนเอง
พีเน็ต ระบุว่า การออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญในบรรยากาศที่มีข้อจำกัดทางการเมือง ไม่มีความชัดเจนว่าอะไรทำได้หรือทำไม่ได้ ทำให้การทำงานของ กกต.มีข้อจำกัด ไม่มีอิสระเหมือนที่เคยปฏิบัติมาในอดีต ขณะเดียวกันสื่อมวลชนและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องมีความสับสน ไม่มีความมั่นใจในการนำเสนอข่าวสารที่เกี่ยวกับเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญและกระบวนการออกเสียงประชามติในช่วงก่อนหน้านี้ ความพยายามของสื่อบางแขนงที่พยายามช่วยสร้างบรรยากาศให้ประชาชนหันมาสนใจเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญในช่วงสองสัปดาห์ก่อนวันลงประชามตินั้นถือเป็นความล่าช้า เสียโอกาสเวลาที่ผ่านมาอย่างน่าเสียดาย
พีเน็ต ระบุว่า การจับกุมคุมขังเช่นที่เป็นมาตลอดสองเดือนก่อนหน้านี้ควรยุติโดยสิ้นเชิง การจับแล้วปล่อย ปล่อยแล้วจับ ทำให้เกิดความสับสนอย่างยิ่ง และขอเสนอให้ผู้รับผิดชอบทุกฝ่ายรวมถึงรัฐบาล เร่งรีบให้ข้อมูลข่าวสารลงสู่ระดับล่างอย่างถูกต้อง รอบด้านปราศจากอคติในทุกมิติโดยเร็ว เพื่อให้บรรยากาศก่อนการออกเสียงประชามติ วันออกเสียงประชามติ และช่วงเวลาหลังวันออกเสียงประชามติ เป็นไปโดยธรรมชาติ มีอิสระในการแสดงความเห็นอย่างเต็มที่เพื่อให้ผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับเนื้อหาในร่างรัฐธรรมนูญแสดงออก ถกเถียง ถ่วงดุลกันเอง ยิ่งมีการถกเถียงอย่างกว้างขวางมากเท่าไร ประชาชนจะสนใจและเข้าร่วมในการมาออกเสียงมากเท่านั้น
นอกจากนี้ พีเน็ตยังเรียกร้องให้ประชาชนมาใช้สิทธิในการออกเสียง วันที่ 7 สิงหาคม 2559 โดยทั่วกัน และร่วมกันสังเกตการณ์การออกเสียงประชามติในเขต หรือที่หน่วยออกเสียงของตน ก่อนเวลาเปิดหน่วย 08.00 น. ไปจนถึงหลังปิดหน่วย 16.00 น และนับคะแนนเสร็จ เพื่อให้การออกเสียงประชามติมีความโปร่งใส ไร้ข้อกังขา และเป็นที่ยอมรับได้ ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร