ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาจำคุก นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีต รมว.คลัง ในรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช เป็นเวลา 1 ปี แต่ให้รอลงอาญา ในคดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต เป็นเหตุให้ผู้หนึ่งผู้ใดได้รับความเสียหาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
เนื่องจากกรณีเมื่อปี 2551 นพ.สุรพงษ์ มีคำสั่งแต่งตั้งประธานและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยมิชอบ เนื่องจากคณะกรรมการคัดเลือกประธานและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการของ ธปท.บางรายมีลักษณะต้องห้ามตาม พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย พ.ศ.2485 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2551 ซึ่งผู้ตรวจการแผ่นดินได้ชี้มูลความผิดไปแล้ว
ศาลฎีกาฯ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ในบรรดาคณะกรรมการคัดเลือกฯ ที่ นพ.สุรพงษ์ แต่งตั้งนั้นมีอยู่ 3 ราย ได้แก่ นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์, นายวิจิตร สุพินิจ และนายชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ ที่ดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการบริหารธนาคารทหารไทย กรรมการอิสระและกรรมการตรวจสอบธนาคารทหารไทย และรองประธานกรรมการและกรรมการบริหารธนาคารกรุงไทย (ขณะนั้น) ตามลำดับ ซึ่งทั้ง 3 ธนาคารดังกล่าวอยู่ภายใต้การกำกับของ ธปท. ขณะที่คณะกรรมการ ธปท.มีบทบาทสำคัญในการดูแลเสถียรภาพการเงินของประเทศ
การกระทำดังกล่าวจึงขัดกับ พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย มาตรา 28/1 วรรคสาม และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2551 มาตรา 9 ถือว่าทั้ง 3 ราย เป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการคัดเลือก จึงพิพากษาว่า นพ.สุรพงษ์ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ให้จำคุก 1 ปี ปรับ 2 หมื่นบาท
แต่ภายหลังจากจำเลยมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรมการคัดเลือกฯ และคณะกรรมการคัดเลือกฯ มีการคัดเลือกประธานและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการ ธปท.แล้ว แต่ต่อมา รมว.คลัง ในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ยกเลิกคำสั่งดังกล่าว จึงไม่ก่อให้เกิดความเสียหายมากนัก ประกอบกับจำเลยไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี