นายศุภชัย สมเจริญ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แถลงผลการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญอย่างเป็นทางการ โดยพบว่า ในประเด็นที่ 1 เรื่องร่างรัฐธรรมนูญ มีผู้เห็นชอบ 16,820,402 คน หรือคิดเป็น 61.35% ไม่เห็นชอบ 10,598,037 คน หรือคิดเป็น 38.65%
ส่วนประเด็นที่ 2 เรื่องคำถามพ่วงท้าย มีผู้เห็นชอบ 15,132,050 คน หรือคิดเป็น 58.07% ไม่เห็นชอบ 10,926,648 คน หรือคิดเป็น 41.93%
โดยจังหวัดที่เห็นชอบในประเด็นที่ 1 และประเด็นที่ 2 สูงสุด 5 อันดับแรก คือ อันดับ 1 ชุมพร อันดับ 2 นครศรีธรรมราช อันดับ 3 ภูเก็ต อันดับ 4 สุราษฎร์ธานี และอันดับ 5 ระนอง
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 7 ส.ค.59 มีผู้มาใช้สิทธิออกเสียง 29,740,677 คน หรือคิดเป็น 59.40% ของจำนวนผู้มีสิทธิออกเสียงทั้งหมด 50,071,589 คน โดยมีบัตรเสียทั้งหมด 936,209 ใบ คิดเป็น 3.15%
จังหวัดที่มีผู้มาใช้สิทธิออกเสียงมากที่สุด 5 อันดับแรก คือ ลำพูน 76.47%, แม่ฮ่องสอน 74.36%, เชียงใหม่ 73.17%, ตาก 70.06% และเชียงราย 67.64%
นายประวิช รัตนเพียร กรรมการการเลือกตั้ง เปิดเผยว่า ผลการออกเสียงประชามติในครั้งนี้ไม่มีจังหวัดใดเลยที่มีผู้มาใช้สิทธิน้อยกว่า 50% ซึ่งจากนี้ กกต.จะสรุปผลการดำเนินงานทั้งหมด ตลอดจนปัญหาอุปสรรคต่างๆ เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการเตรียมการจัดการเลือกตั้งใหญ่ในช่วงปลายปี 2560 หากเป็นไปตามกำหนดการที่รัฐบาลวางไว้
ด้านนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง เปิดเผยว่า สำหรับผู้มาใช้สิทธิอยู่ในระดับที่น่าพอใจและมากกว่าการลงประชามติ เมื่อปี 2550 รวมถึงกรณีบัตรเสียก็อยู่ในระดับที่พอใจ ซึ่งบัตรเสียส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยที่ปัตตานี มีบัตรเสีย 7.43% นราธิวาส มีบัตรเสีย 7.11 % และยะลา มีบัตรเสีย 6.54 % และ กกต.จะนำผลดังกล่าวไปศึกษาวิจัยว่า สาเหตุของบัตรเกิดจากเหตุอะไร ซึ่งอาจเป็นเรื่องของการรับรู้ ความเข้าใจ เรื่องของภาษา หรือเรื่องของศาสนา เป็นต้น
สำหรับเหตุการณ์ฉีกบัตร มีทั้งหมด 34 จังหวัด รวม 59 เหตุการณ์ ไม่มีเจตนา 58 เหตุการณ์ และมีเจตนา 1 เหตุการณ์
พร้อมยืนยันว่า กกต.ได้เปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็นต่อการลงประชามติในครั้งนี้อย่างกว้างขวาง ไม่เคยจำกัดสิทธิเสรีภาพในการแสดงความเห็น และเปิดโอกาสให้มีการดีเบตมากกว่าการเลือกตั้งทุกครั้งในอดีตที่ผ่านมาด้วย
นายสมชัย กล่าวว่า สำหรับการร้องคัดค้านการออกเสียงประชามติ ปรากฎว่าไม่มีสำนวนเรื่องร้องคัดค้านการออกเสียงภายในระยะเวลาตามมาตรา 49 แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2559 ประกอบข้อ 117 ของระเบียบ กกต.ว่าด้วยหลักเกณฑ์ และวิธีการออกเสียงประชามติ พ.ศ.2559 กล่าวคือ ไม่มีผู้มาใช้สิทธิออกเสียงจำนวนไม่น้อยกว่า 50 คนในหน่วยออกเสียง ยื่นคำร้องคัดค้าน พร้อมแสดงหลักฐานต่อ กกต.หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ภายใน 24 ชม.นับแต่การออกเสียงสิ้นสุดลง
"กกต. จึงได้มีมติประกาศผลการออกเสียงประชามติอย่างเป็นทางการ เนื่องจากพ้นระยะเวลายื่นคำร้องคัดค้าน และได้รับรายงานผลการนับคะแนนออกเสียงจากทุกหน่วยออกเสียงทั้งประเทศแล้ว และไม่มีการร้องคัดค้าน โดยจะรายงานผลการออกเสียงประชามติให้นายกรัฐมนตรีรับทราบ ซึ่งได้มอบหมายให้นายบุณยเกียรติ รักชาติเจริญ รักษาการ เลขาธิการ กกต.เป็นผู้นำผลเป็นทางการไปส่งที่สำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาลแล้ว" นายสมชัย กล่าว
รายงานข่าวระบุว่า วันนี้ในเวลา 18.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะออกแถลงการณ์นายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงความขอบคุณประชาชนและชี้แจงขั้นตอนการดำเนินงาน หลังจากลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผ่านสถานีโทรทัศน์ทุกช่องและสถานีวิทยุทั่วประเทศ