นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวภายหลังเดินทางลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมความคืบหน้าในการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ที่บริเวณเกียกกายว่า ขณะนี้การก่อสร้างมีความคืบหน้าไปได้เพียง 24% เท่านั้น จึงได้ขอให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะผู้ว่าจ้างเร่งดำเนินงานในส่วนที่เป็นพันธะสัญญา คือ การส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ซึ่งยังมีพื้นที่อีก 2 ส่วนที่ยังไม่ได้ส่งมอบให้บริษัทผู้รับจ้าง คือ พื้นที่ของโรงเรียนโยธินบูรณะ ที่อยู่ระหว่างการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง และพื้นที่ของชุมชนทอผ้ากลาโหม ที่ยังพบผู้อาศัยจำนวน 6 ครัวเรือนซึ่งเป็นผู้เข้าอาศัยใหม่ เบื้องต้นจากรายงานทางสำนักงานเลขาธิการสภาฯ จะดำเนินการแก้ปัญหาและส่งมอบพื้นที่ให้ผู้รับจ้างได้ไม่เกินเดือนต.ค.นี้
"ได้แจ้งไปกับสำนักเลขาธิการสภาฯ ว่าต้องเร่งดำเนินการ เพื่อไม่ให้ความล่าช้าของการส่งมอบพื้นที่เป็นข้ออ้างของบริษัทผู้รับจ้างในการที่จะใช้ขอต่อสัญญาก่อสร้างออกไป" ประธานสนช.กล่าว
ส่วนการขยายสัญญาจ้างรอบที่ 2 นั้น เบื้องต้นทราบว่ามีการเสนอตัวเลขเวลาที่ขยายแล้ว คือประมาณ 600 กว่าวัน และอยู่ในขั้นตอนที่บริษัทที่ปรึกษา สำนักงานเลขาธิการสภาฯ ต้องไปพิจารณาและตกลง แต่กระบวนการที่จะพิจารณานั้น ต้องอยู่บนข้อสงวนที่สำนักงานเลขาธิการสภาฯ และผู้รับจ้างได้ลงนามในเอกสารสัญญาว่าจะไม่ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายระหว่างกันในช่วงระยะของการก่อสร้าง
ส่วนกรณีปัญหาของการใช้ไม้สัก 5,000 ท่อน เพื่อนำมาใช้ในส่วนของงานสถาปัตยกรรมนั้น นายพรเพชร กล่าวว่า ไม่ได้มีการประสานหรือรายงานไปยัง ครม.หรือนายกรัฐมนตรี แต่หากรัฐบาลต้องการให้ทำอย่างไร ก็ขอให้มีคำสั่งอย่างเป็นทางการมายังฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ดังนั้นการดำเนินงานต่อจากนี้จะต้องเป็นไปตามสัญญาและเดินหน้าทำตามแบบก่อสร้าง อย่างไรก็ตาม การจัดหาไม้สักเพื่อใช้ในการก่อสร้างนั้นเป็นภาระของบริษัทผู้รับจ้างที่ต้องดำเนินการ
ด้านนายโชติจุฑา อาจสอน กรรมการบริหารบริษัทที่ปรึกษา CAMA กล่าวว่า จากการพิจารณางานก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ พบว่า ในส่วนของงานโครงสร้างมีความคืบหน้าไปทั้งสิ้น 70% แบ่งเป็น ส่วนส่วนปีกอาคาร ซึ่งเป็นอาคารทำงานของสภาผู้แทนราษฎร และ วุฒิสภา ที่มี 5 ชั้น ทำโครงสร้างแล้วเสร็จไป 2 ชั้น, โครงสร้างอาคารใหญ่ ที่มีจำนวน 11 ชั้น ทำโครงสร้างแล้วเสร็จไป 5 ชั้น รวมถึงพื้นที่ลิฟท์โดยสาร และเสาของอาคาร สำหรับในส่วนของโครงสร้างที่เหลืออีก 30% นั้น ตามแผนจะแล้วเสร็จประมาณกลางปี 2560
ขณะเดียวกันระหว่างการก่อสร้างโครงสร้างสามารถทำงานระบบและสถาปัตยกรรมไปพร้อมกันได้ ดังนั้นหากจะนับเวลาที่รัฐสภาแห่งใหม่จะแล้วเสร็จอาจต้องเวลาดำเนินการไปถึงปี 2562 ซึ่งประเด็นของการขยายสัญญาเพิ่มเติมนั้นอยู่ระหว่างการพิจารณา โดยได้มีการพิจารณาขยายสัญญาไปถึงรอบที่ 3 แล้ว
อนึ่ง สำหรับโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่พร้อมอาคารประกอบ วงเงิน 1.2 หมื่นล้านบาทนี้ สำนักงานเลขาธิการสภาฯ ได้ว่าจ้าง บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (STEC) เป็นผู้ก่อสร้าง