พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการเพิ่มเติมถึงความโปร่งใสในการจัดซื้อจัดหาวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ของหน่วยราชการ เนื่องจากในช่วงก่อนที่รัฐบาลชุดนี้จะเข้ามามักจะมีปัญหาเรื่องการจัดซื้อจัดหา และการฮั้วประมูลมาโดยตลอด ซึ่งการแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้นั้นรัฐบาลได้ผลักดัน ร่าง พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)
อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรี ได้หยิบยกแนวทางการจัดซื้อจัดหายุทโธปกรณ์ของกองทัพที่ใช้อยู่ในปัจจุบันว่าจะสามารถนำแนวทางมาใช้กับกฎหมายลูกของ พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างได้หรือไม่ เพื่อช่วยลดปัญหาการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้าง โดยแนวทางนี้คือ ควรมีคณะกรรมการที่ทำหน้าที่กำหนดความต้องการว่าในอนาคต 5 ปี 10 ปี หรือไปจนถึง 20 ปี ประเทศไทยมีความจำเป็นต้องมีการจัดซื้อจัดหาอุปกรณ์ใดบ้าง ไม่เฉพาะแต่เพียงยุทโธปกรณ์ของกระทรวงกลาโหมเท่านั้น แต่หมายรวมถึงการจัดซื้อจัดหาของทุกกระทรวง โดยคณะกรรมการชุดดังกล่าวจะทำหน้าที่ในเชิงยุทธศาสตร์
จากนั้นจะต้องมีคณะกรรมการที่กำหนดคุณสมบัติ มาตรฐานของอุปกรณ์หรือยุทโธปกรณ์ที่จัดหา หลังจากนั้นจึงค่อยทำเป็น TOR ออกมา ทั้งนี้เพื่อลดข้อครหาว่ามีการเขียน TOR เพื่อเอื้อให้แก่บริษัทหนึ่งบริษัทใด จากนั้นคณะกรรมการจัดซื้อจัดจ้างจะทำหน้าที่เปิดประมูลให้มีการแข่งขันด้านราคา และทำสัญญาคุณธรรมร่วมกัน
"ท่านนายกฯ สอบถามรองวิษณุ พบว่ากฎหมายที่เกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาของสภาฯ นายกฯ มีแนวคิดว่า หน่วยราชการระดับกองทัพเคยใช้กันอยู่ และสามารถตอบโจทย์ในการแก้ไขปัญหาการฮั้วกันได้ ท่านได้เล่าให้ที่ประชุม ครม.ฟังแล้วอยากให้ผู้ที่เกี่ยวข้องลองไปพิจารณาดูว่า เมื่อกฎหมายหลักผ่านสภาแล้ว การจะออกกฎหมายลูกที่ตามมาให้สอดรับกับแนวนโยบายที่ท่านนายกฯ ให้ไว้ได้หรือไม่...รองวิษณุ บอกว่าเมื่อกฎหมายหลักผ่านแล้ว จะมีกฎหมายลูก และนำข้อสังเกต ข้อสั่งการของนายกฯ ไปบรรจุไว้ เพื่อให้การจัดซื้อจัดหาอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งวันนี้ และวันหน้าเกิดความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย ลดโอกาสในการทุจริตจากภาคส่วนต่างๆ ลงให้มากที่สุด เป็นการวางแผนระยะยาวที่นายกฯ มอบนโยบายไว้" พล.ต.สรรเสริญ กล่าว