นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวกระทรวงพาณิชย์จะขอให้ใช้อำนาจตามมาตรา 44 เข้าไปยึดทรัพย์กรณีการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวแทนการดำเนินคดีทางศาลว่า อาจจะมีคนนำสิ่งที่ตนเองพูดไปพูดกันต่อ ซึ่งอาจจะมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนว่าจะใช้อำนาจมาตรา 44 ในการยึดทรัพย์ ซึ่งต้องดูว่าหน่วยงานใดสามารถดำเนินการได้ เพราะมองว่ากระทรวงพาณิชย์ไม่สามารถดำเนินการได้ แต่หน่วยงานที่น่าจะสามารถทำได้ คือ กรมบังคับคดี ซึ่งมีหน้าที่โดยตรง
แต่เนื่องจากกรมบังคับคดีจะทำหน้าที่ยึดทรัพย์ตามคำสั่งศาล แต่ไม่ได้ทำหน้าที่ยึดทรัพย์ตามคำสั่งทางปกครอง ที่ผ่านมาเคยมีกรณีที่ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ให้กรมบังคับคดีไปยึดทรัพย์ คือ กรณีเข้าไปยึดทรัพย์รีสอร์ทเอกชนที่ภูทับเบิก จ.เพชรบูรณ์ ดังนั้นในกรณีโครงการรับจำนำข้าวก็อาจจะใช้มาตรา 44 เพื่อดำเนินการในลักษณะดังกล่าว และเรื่องนี้ไม่ใช่เป็นการกลั่นแกล้งใคร แต่เป็นการดำเนินการตาม พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิด และในคดีดังกล่าวมีอายุความสั้นจึงต้องเร่งดำเนินการ
นอกจากนี้ กรณีที่เกิดขึ้นในระยะหลัง เช่น เรื่องข้าว มันสำปะหลัง ข้าวโพด หรือพืชเกษตรตัวอื่นๆ ที่มีการทุจริตจนนำมาสู่การมีคำสั่งทางปกครองที่มีมูลค่าความเสียหายมาก เจ้าหน้าที่ของกระทรวงที่รับผิดชอบไม่สามารถทำการยึดทรัพย์ได้ จึงมีแนวคิดว่าจะมอบอำนาจให้ใครเป็นผู้ดำเนินการ
"กำลังคิดว่าจะให้ใครไปเป็นคนช่วยจัดการให้ ผมก็ถามว่าที่แล้วมา 3,000 คดี ใครเป็นคนจัดการ คำตอบก็คือกระทรวงใครกระทรวงมัน แต่คราวนี้มาเจอกันหลายพันล้านหลายหมื่นล้าน เขาไม่มีปัญญาที่จะไปทำหรอก เพราะเวลาทำมาหากินของกระทรวงเหล่านี้เป็นเรื่องอื่น ไม่ใช่เป็นมืออาชีพมาทำเรื่องนี้ จึงอาจจะต้องให้หน่วยงานอื่นมาจัดการแทน ซึ่งตรงนี้จึงต้องใช้มาตรา 44 ไม่เช่นนั้นจะให้หน่วยงานอื่นมาทำได้อย่างไร ถ้าหากจะมีการใช้มาตรา 44 ก็ประเด็นนี้เท่านั้น" นายวิษณุ กล่าว