นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวก่อนการประชุม กรธ.ถึงการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญให้สอดคล้องกับคำถามพ่วงประชามติของศาลรัฐธรรมนูญว่า กรธ.ไม่ต้องส่งเอกสารไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพิ่มเติม เพราะศาลแจ้งกลับมาว่า รับไว้พิจารณาแล้ว และได้ขอเอกสารเพิ่มเติมจากคณะรัฐมนตรี สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แต่ไม่ได้ขอมายัง กรธ.
ทั้งนี้ นายมีชัย มองว่า เอกสารของ กรธ.ที่ส่งให้ก่อนหน้านี้น่าจะเพียงพอแล้ว และไม่ทราบว่า เหตุใดศาลจึงขอเอกสารจากคณะรัฐมนตรี ซึ่งอาจจะต้องการทราบความเห็นก็เป็นได้ พร้อมกันนี้ไม่ได้รู้สึกกังวลที่ สนช.เตรียมส่งเอกสารที่ยืนยันเจตนารมณ์ให้ ส.ว.เสนอชื่อนายกรัฐมนตรีไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพราะศาลวินิจฉัยอย่างไร ก็ถือตามนั้น เมื่อรัฐธรรมนูญมอบความไว้วางใจให้ศาลรัฐธรรมนูญก็ต้องไว้วางใจศาลรัฐธรรมนูญ
สำหรับในวันนี้ได้เชิญนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มาสอบถามรายละเอียดร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองว่าเนื้อหาเปลี่ยนแปลงไปจากร่างกฎหมายเดิมอย่างไร และมีเหตุผลอย่างไรบ้าง เพื่อประกอบการพิจารณาและป้องกันการเข้าใจผิด
ส่วนเรื่องใหม่ที่เปลี่ยนแปลงไปนั้น เบื้องต้นมีทั้งวิธีการตั้งและการดำเนินการของพรรคการเมือง แต่ยังไม่พบว่า ในร่างกฎหมายลูกได้กำหนดให้พรรคการเมืองต้องดำเนินการตามนโยบายที่แถลงไว้ทั้งหมด ไม่เช่นนั้นจะต้องได้รับโทษหรือไม่ แต่ส่วนตัวมองว่าคงไม่ไปไกลถึงขนาดนั้น เพราะหากนักการเมืองแถลงนโยบายไปทั้งหมด แต่ไม่ปฏิบัติตามที่แถลงไว้ก็คงต้องโดนลงโทษทั้งหมด
ขณะที่รูปแบบการตั้งพรรคการเมือง หากตั้งยากจนเกินไปจะทำให้นักการเมืองรุ่นใหม่ตั้งพรรคการเมืองได้ยาก แต่หากจัดตั้งพรรคการเมืองง่ายเกินไปก็อาจทำให้มีผู้ที่คิดจะมารับเงินจาก กกต.เพียงอย่างเดียวได้ ดังนั้นจะต้องกำหนดการตั้งพรรคการเมืองให้มีความพอดี ไม่ยากหรือง่ายจนเกินไป
ส่วนข้อเสนอของ กกต.ที่กำหนดว่า เมื่อตั้งพรรคการเมืองแล้วต้องส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งด้วยนั้น กรธ.ก็ต้องพิจารณาอีกครั้ง ส่วนการกำหนดจำนวนสมาชิกพรรคการเมือง ต้องขึ้นอยู่ว่าจะกำหนดให้พรรคการเมืองยึดโยงกับประชาชนมากน้อยอย่างไร หากมุ่งเน้นให้พรรคการเมืองเป็นของประชาชน และให้ประชาชนมีส่วนร่วม ก็จำเป็นต้องมีสมาชิกพรรคในจำนวนที่มากพอสมควร
นายมีชัย กล่าวถึงกรณีมีบางฝ่ายมองว่าการให้ ส.ว.เสนอชื่อนายกรัฐมนตรีได้นั้นจะเป็นวิกฤตในอนาคตว่า ขออย่าคาดการณ์อะไร เพราะเมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยมาก็จะให้เหตุผลมาด้วย
ประธาน กรธ.ยังปฏิเสธข่าวที่ระบุว่า ตนเองส่งคนไปศึกษาการจัดการเลือกตั้งของประเทศอินเดีย ซึ่งไม่รู้ว่าสื่อใดเผยแพร่ข่าวออกไป เพราะไม่จำเป็นต้องเดินทางไปถึงประเทศอินเดีย พร้อมขอให้ กกต.อย่ากังวลในเรื่องนี้ เพราะไม่ได้จะลดจำนวน กกต.เหมือนประเทศอินเดีย เพียงแต่ต้องการดูระบบการจัดการเลือกตั้งหลายๆ แบบจากต่างประเทศเท่านั้น