ศาลปกครองสูงสุด พิพากษายืนไม่รับพิจารณาคดีที่นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่ากรุงเทพมหานคร (กทม.) ยื่นฟ้อง กทม.และผู้ว่าฯ กทม. เพื่อขอให้เพิกถอนคำสั่งให้ร่วมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนกรณีละเมิดจากการดำเนินโครงการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิง พร้อมอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัย ซึ่งเป็นคำสั่งทางปกครองที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะได้มีการพิสูจน์แล้วว่าขณะดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.ได้ปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริตและพยายามดำเนินการต่างๆ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของ กทม. เนื่องจากคดีหมดอาอายุความ "เมื่อผู้ฟ้องคดียื่นฟ้องคดีนี้ต่อศาลปกครองชั้นต้นเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2557 จึงเป็นการยื่นฟ้องคดีเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาตามมาตรา 49 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542 และกรณีไม่ปรากฎว่ามีเหตุจำเป็นอื่นที่ทำให้ผู้ฟ้องคดีไม่อาจนำคดีมาฟ้องศาลภายในกำหนดเวลา ศาลจึงไม่อาจรับคำฟ้องของผู้ฟ้องคดีไว้พิจารณาได้ แต่อย่างไรก็ตาม หากผู้ฟ้องคดีได้รับแจ้งผลการพิจารณาอุทธรณ์แล้ว ไม่พอใจผลการพิจารณาดังกล่าวก็อาจฟ้องคดีต่อศาล ขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยอุทธรณืได้ตามเงื่อนไขและระยะเวลาการฟ้องคดีตามที่กฎหมายกำหนด
การที่ศาลปกครองชั้นต้น มีคำสั่งไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณาและให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความนั้น ศาลปกครองสูงสุดเห็นพ้องด้วยในผล จึงมีคำสั่งยืนตามคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้น
ก่อนหน้านี้ ศาลปกครองกลางมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณาและให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ เนื่องจากเห็นว่าเป็นการยื่นคำฟ้องที่มีสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างโดยอาศัยหลักแห่งข้อหาอย่างเดียวกัน ซึ่งเป็นการฟ้องต้องห้ามตามข้อ 36 วรรคหนึ่ง (1) แห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2543 ที่มีให้ผู้ฟ้องคดียื่นฟ้องเรื่องเดียวกันต่อศาลอีก