นายนพดล กรรณิกา ประธานชมรมขับเคลื่อนวิชาการเพื่อวิจัยความสุขชุมชน สำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เปิดผลสำรวจ เรื่อง โพลรีเซต ปฏิรูปการเมือง กับความต้องการของสาธารณชนต่อนักการเมืองในการปฏิรูปตัวเอง โดยศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวน 1,259 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 7-9 ก.ย.ที่ผ่านมา พบว่า
ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 86.3 ระบุกลุ่มคนที่เป็นต้นเหตุของความขัดแย้งในหมู่ประชาชนมากที่สุดได้แก่ นักการเมือง รองลงมาคือร้อยละ 10.9 ระบุ สื่อมวลชน และที่เหลือร้อยละ 2.8 ระบุ อื่นๆ เช่น ประชาชนที่แบ่งขั้ว นายทุนพรรคการเมือง ตำรวจ และ ทหาร เป็นต้น
ส่วนพรรคการเมืองที่กำลังเสนอทางออกให้ประเทศที่ชอบมากที่สุดในขณะนี้ พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 69.1 ระบุ ไม่มีพรรคใดเลย อย่างไรก็ตาม ร้อยละ 14.6 ระบุพรรคประชาธิปัตย์ ในขณะที่ ร้อยละ 11.5 ระบุพรรคเพื่อไทย และร้อยละ 4.8 ระบุพรรคอื่นๆ ตามลำดับ
เมื่อถามถึงพฤติกรรมนักการเมืองที่ควรปรับปรุงแก้ไขเพื่อปฏิรูปตัวเอง มีอะไรบ้าง
ส่วนใหญ่ ร้อยละ 93.3 ระบุ การทุจริต คอร์รัปชั่น รองลงมา ร้อยละ 88.5 การหาผลประโยชน์เพื่อตนเองและพวกพ้องเครือญาติ ร้อยละ 82.9 การยั่วยุ ก้าวร้าว ปลุกระดมความขัดแย้ง และร้อยละ 80.6 ระบุ กร่าง โอ้อวด พัวพันผู้มีอิทธิพล เป็นต้น
ส่วนความคิดเห็นต่อ การรีเซต ปฏิรูปการเมือง พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 77.6 ระบุ เห็นด้วย เพราะจะไม่เสียของ ต้องการให้ขจัดปัญหาทุจริต คอร์รัปชั่น จัดระเบียบนักการเมือง ต้องการนักการเมืองหน้าใหม่ มีอุดมการณ์ ทำงานเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนแท้จริง ขณะที่ร้อยละ 22.4 ไม่เห็นด้วย เพราะต้องการให้ประชาชนและพรรคการเมืองมีส่วนร่วม อยากเห็นการทำงานแก้ปัญหาสำคัญร่วมกัน และไม่ชอบการปิดกั้น คิด ทำกันแต่ในกลุ่มคนไม่กี่คน