พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงการออกคำสั่ง คสช. ที่ 56/2559 เรื่อง การคุ้มครองการบริหารจัดการผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรในการดูแลของรัฐ และการดำเนินการต่อผู้ต้องรับผิดว่า เป็นการให้อำนาจกรมบังคับคดีไปดำเนินการ แต่อย่างไรก็ตามต้องมีคำสั่งทางปกครองหรือคำพิพากษาของศาลออกมาก่อน พร้อมยืนยันว่าไม่ได้เป็นการให้อำนาจกระทรวงพาณิชย์ไปยึดทรัพย์โดยทันที
ส่วนกระบวนการพิจารณาในโครงการทุจริตจำนำข้าว ยืนยันว่าจะดำเนินเสร็จในเดือนก.พ.นี้ทันก่อนหมดอายุความแน่นอน โดยขณะนี้คดีความอยู่ระหว่างการพิจารณาของทางอัยการ และหากได้ข้อสรุปออกมาจะต้องดำเนินการปฎิบัติตามระเบียบอยู่แล้ว
เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่คำสั่ง คสช. ที่ 56/2559 โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 ระบุว่า เมื่อได้มีคำสั่งทางปกครองของหน่วยงานของรัฐหรือคำสั่งหรือคำพิพากษาของศาลแล้วแต่กรณี ให้มีการบังคับทางปกครองต่อผู้ต้องรับผิดตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐ ตั้งแต่ปีการผลิต 2548/2549 จนถึงปีการผลิต 2556/2557 โครงการแทรกแซงมันสำปะหลังของรัฐตั้งแต่ปีการผลิต 2551/2552 จนถึงปีการผลิต 2555/2556 หรือโครงการแทรกแซงข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปี 2551/2552 ให้กรมบังคับคดีมีอำนาจหน้าที่ในการใช้มาตรการบังคับทางปกครอง ตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง เพื่อบังคับการให้เป็นไปตามคำสั่งหรือคำพิพากษาดังกล่าว และให้ได้รับความคุ้มครองด้วย
ก่อนหน้านี้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ออกมายอมรับว่า จะใช้ช่องทางดังกล่าวให้อำนาจกรมบังคับคดียึดทรัพย์จากผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องตามคำสั่งทางปกครอง นอกเหนือจากการทำหน้าที่ยึดทรัพย์ตามคำสั่งศาล เนื่องจากเกิดการทุจริตที่มีมูลค่าความเสียหายสูงมากเกินกว่าที่เจ้าของหน่วยงานจะดำเนินการได้เอง