นายกฯ แถลงผลงานรอบ 2 ปี ย้ำเดินตามโรดแมพวางรากฐานทุกมิติ ให้ก้าวไปสู่ไทยแลนด์ 4.0

ข่าวการเมือง Thursday September 15, 2016 11:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ระบุการบริหารราชการแผ่นดินในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลมีความมุ่งมั่นปฏิรูปการทำงานทุกด้านอย่างครบวงจรเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์โลก ลดเหลื่อมล้ำของประชาชนที่เป็นต้นเหตุของความขัดแย้งภายในประเทศ การพัฒนาประเทศเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน การบังคับใช้กฎหมายอย่างเสมอภาค การน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวทางปฏิบัติ

"แนวทางการแก้ปัญหาของรัฐบาลและ คสช.นั้นจะต้องมีความมุ่งมั่น ตั้งใจในการบริหารราชการแผ่นดิน โดยยึดโยงประชาชนเป็นศูนย์กลาง ยึดถือผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นที่ตั้ง ยึดหลักธรรมาภิบาล สุจริต โปร่งใส เป็นสำคัญตลอดมา เพื่อเป้าหมายสำคัญในการวางรากฐานให้รัฐบาลในอนาคตได้มีการบริหารราชการแผ่นดินอย่างมีธรรมาภิบาลภายใต้กฎกติกาที่เหมาะสมกับประเทศ และป้องกันที่จะไม่ให้สภาพปัญหาแบบเดิมกลับมาเกิดขึ้นอีก" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเปิดการชี้แจงผลงานรัฐบาลครบรอบ 2 ปี

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศขณะที่มีปัญหาเรื่องความไม่สงบทั้งความขัดแย้งภายในประเทศและการก่อการร้ายและการสู้รบในต่างประเทศ ด้านเศรษฐกิจประสบปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ เศรษฐกิจโลกซบเซา เป็นช่วงขาลง โดยมีอัตราขยายตัวเพียง 3% ในปี 58 และแนวโน้มในปี 59 ขยายตัวเพียง 3.1% ขณะที่ผลการทำงานของรัฐบาลเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นในมุมมองและการประเมินขององค์กรต่างๆ

โดยที่ผ่านมาอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) มีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง จาก 0.8% ในปี 57 มาเป็น 3.2% ในปี 59, ขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการคมนาคมทางบกดีขึ้นจากอันดับที่ 48 ในปี 56 มาอยู่ที่อันดับ 26 ในปี 59, ขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการคมนาคมทางอากาศดีขึ้นจากอันดับที่ 23 ในปี 56 มาอยู่ที่อันดับ 20 ในปี 59, ความน่าลงทุนระหว่างประเทศดีขึ้นจากอันดับที่ 31 ในปี 56 มาอยู่ที่อันดับ 28 ในปี 59, สัดส่วนมูลค่า SMEs ต่อ GDP มีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่องจาก 39.6% ในปี 57 มาอยู่ที่ 42.3% ในปี 59, UN จัดดัชนี e-Government อยู่ในอันดับที่ 102 ในปี 57 มาอยู่ที่อันดับ 77 ในปี 59 จาก 193 ประเทศทั่วโลก, IMD จัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศอยู่ที่ 28 ในปี 59 ดีขึ้นจากอันดับที่ 30 ในปี 58, ปี 58 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเกือบ 30 ล้านคน มากเป็นอันดับ 11 ของโลก สร้างรายได้ เข้าประเทศ 1.44 ล้านล้านบาท สูงเป็นอันดับ 6 ของโลก, เว็บไซต์บลูกเบิร์กจัดให้เป็นประเทศไทยเป็นอันดับ 1 ประเทศที่มีความทุกข์ยากน้อยที่สุดในโลกจาก 74 ประเทศทั่วโลก

ขณะที่ความเสี่ยงด้านความไม่แน่นอนทางการเมืองดีขึ้นจากอันดับที่ 57 ในปี 57 มาอยู่อันดับที่ 51 ในปี 59, ความโปร่งใสในการบริหารงานภาครัฐดีขึ้นจากอันดับที่ 57 ในปี 57 มาอยู่ที่อันดับ 25 ในปี 59, จำนวนเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ลดลงกว่า 50%, จำนวนคดียาเสพติดลดลงกว่า 50% จาก 4 แสนคดีในปี 56 เหลือ 2 แสนคดีในปี 58, การจัดอันดับดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์คอร์รัปชั่นจาก 180 ประเทศทั่วโลกดีขึ้นต่อเนื่อง จากอันดับที่ 102 ในปี 56 มาอยู่ที่อันดับ 76 ในปัจจุบัน ซึ่งถือว่าดีที่สุดในรอบ 6 ปี และมีความโปร่งใสดีที่สุดในรอบ 10 ปี

"รัฐบาลบริหารประเทศในทุกมิติ ทั้งด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม การต่างประเทศ กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม รวมทั้งด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่อง" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การทำงานในปัจจุบันเป็นระยะที่ 2 ของโรดแมพ คือ การเริ่มต้นการปฏิรูปในเชิงโครงสร้าง ปฏิรูปการบริหารราชการ และการจัดทำแผนที่นำทางไปสู่อนาคตตามวิสัยทัศน์มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน โดยนำปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอกมากำหนดว่าประเทศไทยควรจะทำอย่างไร ด้วยวิธีการใดจึงจะเกิดผลดีที่สุดกับประชาชน และเป็นการปรับตัวให้เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลก

"ประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงการเปลี่ยนผ่านที่สำคัญ ถ้าไม่ทำวันนี้ โอกาสของประเทศไทย โอกาสของคนไทยจะสูญเสียไปอย่างมหาศาล และยากที่จะเรียกกลับคืนมาได้" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นอกเหนือจากการรักษาสมดุลย์ในการบริหารประเทศทั้ง 6 มิติแล้ว รัฐบาลยังมีภารกิจสำคัญในการสร้างรากฐานสู่อนาคตตามโมเดลไทยแลนด์ 4.0 โดยจะเร่งดำเนินการเรื่องการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การวางระบบสาธารณสุขขั้นพื้นฐาน การวางระบบประกันสุขภาพ สนับสนุนการลงทุนในประเทศ การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ที่เชื่อมโยงทั้งในประเทศและต่างประเทศ เร่งผลักดันการลงทุนใน 10 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย ปฏิรูปการเกษตรกรรม

"เราจำเป็นต้องเปลี่ยนจากการค้าขายสินค้าเกษตรต้นน้ำไปสู่การสร้างสินค้านวัตกรรมเพื่อการแข่งขัน เพราะรายได้ของประเทศในปัจจุบัน 70% มาจากการส่งออก และส่วนใหญ่เป็นสินค้าเกษตรกรรมต้นน้ำที่มีมูลค่าไม่สูง" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลพยายามดำเนินการทุกอย่างด้วยความรวดเร็ว แต่ยังมีข้อขัดข้องยบางประการ เช่น กฎหมายไม่ทันสมัย ประชาชนยังไม่เปิดรับการพัฒนาสิ่งใหม่ๆ ประชาชนไม่ให้ความสำคัญกับข้อมูลหลักการที่ถูกต้อง รัฐบาลพยายามบริหารราชการและแก้ปัญหาด้วยกฎหมายตามปกติ ขณะที่การใช้อำนาจพิเศษเป็นเพียงเพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย รักษาสถาบัน เกิดการบูรณาการที่ทันต่อเหตุการณ์

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ภารกิจรัฐบาลในช่วงเวลาอีกปีเศษข้างหน้า ซึ่งเป็นระยะที่ 3 ของโรดแมพ คือ การส่งมอบหน้าที่ต่อให้รัฐบาลชุดใหม่ภายหลังการเลือกตั้ง หากเราเปลี่ยนผ่านสำเร็จจะมีโอกาสยกฐานะไปสู่ประเทศในโลกที่ 1 หรือประเทศที่พัฒนาแล้ว ประเทศที่มีรายได้เฉลี่ยของประชากรสูงขึ้น มีระบบสวัสดิการที่สมบูรณ์ ประชากรมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ปัญหาสังคมลดลง มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินเพิ่มขึ้น การเมืองมีเสถียรภาพ เกิดความสงบสุขทั่วทุกพื้นที่ คนมีระเบียบวินัย เป็นต้น ซึ่งตนเองมั่นใจว่าทุกเรื่องเป็นจริงได้ ถ้าคนไทยทุกคนร่วมมือร่วมใจช่วยกัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ