นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เป็นประธานการประชุมรับฟังคำแถลงปิดสำนวนด้วยวาจาในคดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดพล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต อดีตรมว.กลาโหมว่าแทรกแซงการแต่งตั้งปลัดกระทรวงกลาโหม โดยที่ประชุม สนช. กำหนดนัดลงมติถอดถอนหรือไม่ถอดถอน พล.อ.อ.สุกำพล ในวันที่ 16 ก.ย. นี้
น.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการ ป.ป.ช. แถลงปิดสำนวนว่า การดำเนินการของ พล.อ.อ.สุกำพล ถือว่าการกระทำดังกล่าวไม่เป็นไปตามธรรมเนียมปฏิบัติ ส่วนกรณีที่ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวอ้างว่า พล.อ.ทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก เป็นปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นรุ่นน้องซึ่งจะสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่นนั้น เห็นว่าจะเป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของ พล.อ.อ.สุกำพล เอง
ด้านพล.อ.อ.สุกำพล กล่าวยืนยันว่า ปฏิบัติตามพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการกระทรวงกลาโหม และข้อบังคับกระทรวงกลาโหม และตามธรรมเนียมการแต่งตั้งข้าราชการกระทรวงกลาโหมทุกขั้นตอน โดยจัดประชุม 2 ครั้งเพื่อพิจารณาแต่งตั้งปลัดกระทรวงกลาโหมตำแหน่งเดียวเพื่อให้ทันเวลา ซึ่งได้เสนอชื่อพล.อ.ทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน เป็นปลัดกระทรวงกลาโหม โดยมี พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม ในขณะนั้นเพียงคนเดียวที่เสนอชื่อพล.อ.ชาตรี ทัตติ และการที่ไม่ให้พล.อ.พิณภาษณ์ สริวัฒน์ เจ้ากรมเสมียนตราเข้าร่วมประชุม เพราะเป็นแค่ผู้ช่วยเลขานุการ ไม่มีสิทธิออกเสียงในที่ประชุม และต้องการรักษาความลับการประชุมเอาไว้ ซึ่งการประชุมได้ยึดข้อบังคับว่าให้คณะกรรมการสามารถกำหนดนโยบายเพื่อให้เป็นไปตามข้อบังคับ และกำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมมีอำนาจเสนอชื่อบุคคลที่ขึ้นตรงกับกระทรวงกลาโหมได้ และสามารถเสนอชื่อใครก็ได้ ซึ่งผู้บัญชาการเหล่าทัพได้ให้ถ้อยคำต่อป.ป.ช.ว่าคณะกรรมการชุดดังกล่าวสามารถที่จะเสนอชื่อใครที่นอกเหนือจากที่มีการเสนอขึ้นมาก็ได้
"ขอยืนยันอีกครั้งว่าการประชุมในวันนั้นเป็นการประชุมที่ถูกต้องทุกประการ ผู้บัญชาการเหล่าทัพได้ให้ปากคำว่าการประชุมวันนั้นถูกต้องทุกประการ แต่ป.ป.ช.เพิกเฉย คำกล่าวหาของป.ป.ช.ที่กล่าวหาว่าผมแทรกแซงนั้น มีคนร่วมประชุม 6 คน ผมออกเสียงแค่เสียงเดียวเท่านั้น ไม่มีใครมีอำนาจสั่งการได้"พล.อ.อ.สุกำพล กล่าว