นายบุญทรง ระบุว่า การออกคำสั่งโดยอาศัยอำนาจตาม มาตรา 44 เพื่อให้ชดใช้ค่าเสียหายและตลอดถึงการยึดทรัพย์นั้น คดีที่ถูกฟ้องร้องยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง แต่กลับมีความเร่งรีบรวบรัด ให้มีการเตรียมการยึดทรัพย์ของตนและผู้ที่เกี่ยวข้อง แทนที่จะให้ความเป็นธรรม โดยนำคดีขึ้นสู่ศาลเพื่อให้ต่อสู้เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ดีกว่าการใช้อำนาจพิเศษตามที่รัฐบาลซึ่งมาจากการรัฐประหารกำลังใช้อยู่ในขณะนี้จะสง่างามกว่า
ทั้งที่โดยหลักและเจตนารมณ์ของกฎหมายเกี่ยวกับกรณีทางแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาในการที่จะวินิจฉัยข้อเท็จจริงในทางแพ่งจะต้องยึดเอาตามข้อเท็จจริงที่ได้จากคดีอาญา ดังนั้น เมื่อยังไม่มีคำพิพากษาของศาลฎีกาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จึงเห็นว่าไม่เป็นธรรมอย่างยิ่งที่จะใช้อำนาจทางการบริหารแทนอำนาจของศาลเพื่อยึดทรัพย์
ส่วนเรื่องค่าเสียหายที่จะใช้คำสั่งเพื่อยึดทรัพย์ในกรณีนี้เป็นตัวเลขที่ไม่ชัดเจนว่าได้มีความเสียหายเกิดขึ้นจริงหรือไม่ เป็นเงินจำนวนเท่าไร เพราะคดีอาญายังไม่เสร็จสิ้น และเป็นการลัดขั้นตอน