นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) คนที่ 1 ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม โดยมีวาระการพิจารณารายงานของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญการปฏิรูปประเทศด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ 2 ฉบับ คือ 1.การปฏิรูปมาตรการเสริมสร้างระบบการบริหารงานที่มีธรรมาภิบาลในภาครัฐ และ 2.การปฏิรูปมาตรการเสริมสร้างระบบการบริหารงานที่มีธรรมาภิบาลในภาคเอกชน
ด้านนายอนุสิษฐ์ คุณากร กมธ. กล่าวว่า กมธ. มีข้อเสนอแนะให้กำหนดเป็นนโยบายเพื่อความโปร่งใสในการดำเนินงานภาครัฐ ที่จะต้องมีการติดตามประเมินผลทุกหน่วยงาน มีการประเมินตนเองผ่านโครงการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รวมทั้งกำหนดบุคคลที่ต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินเพิ่มเติม นอกจากที่กฎหมายกำหนด
ประกอบด้วย ผู้บริหารที่มีอำนาจ อนุมัติ จัดซื้อจัดจ้าง ประธานกรรมการ รองประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการ(บอร์ด) องค์กรในกำกับของรัฐ องค์การมหาชน หน่วยงานของรัฐที่มิใช่ส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจที่จัดตั้งขึ้นตาม พ.ร.บ. เช่น คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และคณะกรรมการประกันสังคม รวมไปถึงข้าราชการ เจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้าง อนุมัติอนุญาต การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐไปดำรงตำแหน่งต่างๆ
ขณะเดียวกัน ยังมีข้อเสนอให้ ป.ป.ช.ปรับปรุงแบบแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ให้แสดงข้อมูลรายชื่อบริษัทนอกอาณาเขตที่ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ของรัฐมีส่วนได้เสียเกี่ยวข้องเป็นเจ้าของทรัพย์สินส่วนใดส่วนหนึ่ง และการแสดงหลักฐานการจดทะเบียนบริษัท รายงานงบดุลประจำปี หรือรายละเอียดการทำธุรกรรมของบริษัทนอกอาณาเขตดังกล่าวให้ครบถ้วนด้วย
นอกจากนั้น ยังมีการกำหนดให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกคน รวมทั้งสามีหรือภรรยาและบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ต้องยื่นบัญชีรายได้ ทรัพย์สิ้นและหนี้สินทุก 1-3 ปี โดยให้ส่วนราชการต้นสังกัดเป็นผู้ดำเนินการติดตาม ตรวจสอบ เก็บข้อมูลไว้ในแฟ้มประวัติข้าราชการ และรายงานการยื่นบัญชีของข้าราชการในสังกัด เพื่อเป็นกลกลป้องกันและปราบกรมการทุจริต
ส่วนการปฏิรูปมาตรการเสริมสร้างระบบการบริหารงานที่มีบรรษัทภิบาลในภาคเอกชน เพื่อเป็นการป้องกันการให้สินบนเจ้าหน้าที่รัฐ นอกจากคุณสมบัติผู้เข้าประมูลต้องมีวงเงินตั้งแต่ 2 ล้านบาทแล้ว องค์กรเหล่านั้นต้องได้รับการรับรองเป็นแนวร่วม จากบริษัทหรือองค์กรเอกชนที่กรมบัญชีกลางขึ้นทะเบียนไว้ และเพื่อป้องกันหลีกเลี่ยงภาษีผ่านการทำธุรกรรมกับบริษัทนอกอาณาเขต กำหนดให้บุคคลหรือนิติบุคคลที่จดทะเบียนในประเทศ เปิดเผยข้อมูลรายชื่อบริษัทนอกอาณาเขตที่มีส่วนได้เสียเกี่ยวข้องเป็นเจ้าของทรัพย์สินส่วนใดส่วนหนึ่ง และแสดงหลักฐานต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) พร้อมทั้งเพิ่มบทลงโทษกรรมการบริษัทกรณีในการเข้าไปรู้ข้อมูลล่วงหน้าอีกด้วย
จากนั้นที่ประชุมได้เปิดให้มีการอภิปรายโดย ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับรายงานทั้ง 2 ฉบับ ซึ่งท้ายสุดที่ประชุมได้ลงมติเห็นชอบในรายงานการปฏิรูปมาตรการเสริมสร้างระบบการบริหารงานที่มีธรรมาภิบาลในภาครัฐด้วยคะแนน 168 งดออกเสียง 2 คะแนน และ เห็นชอบในรายงานการปฏิรูปมาตรการเสริมสร้างระบบการบริหารงานที่มีธรรมาภิบาลในภาคเอกชน ด้วยคะแนน 165 งดออกเสียง 3 ไม่ลงคะแนน 2 เสียง โดย กมธ.จะนำความเห็นและข้อเสนอของสมาชิกไปปรับปรุงรายงาน ก่อนส่งรายงานไปยังประธาน สปท. และคณะรัฐมนตรีต่อไป