นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มอบหมายทนายความยื่นเรื่องร้องขอความเป็นธรรมต่อนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อคัดค้านการใช้อำนาจตามมาตรา 44 ให้กรมบังคับคดีเข้ายึดทรัพย์ในโครงการรับจำนำข้าวนั้นว่า หากไม่ใช้อำนาจตามมาตรา 44 เพื่อตั้งเจ้าพนักงานของกรมบังคับคดีไปดำเนินการแล้ว สุดท้ายก็ต้องดำเนินการเช่นนี้อยู่ดี เพียงแต่อยู่ที่ว่าจะให้ใครเป็นผู้ดำเนินการเท่านั้น
นายวิษณุ กล่าวอีกว่า การดำเนินการรับผิดทางแพ่งสามารถดำเนินการได้ หลังจากทราบตัวผู้กระทำผิดและการกระทำแล้ว โดยไม่ต้องรอให้ศาลตัดสินตามที่พรรคเพื่อไทยท้วงติง ซึ่งเป็นหลักการเช่นเดียวกับคดีละเมิดที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ในวันนี้จะมีนำเรื่องเข้าหารือในคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงแนวทางดำเนินการการเรียกความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าวจากผู้เกี่ยวข้องที่เหลือ อาทิ จากโรงสีที่เกี่ยวข้อง หลังจากคณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่งให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องชดใช้ความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวเป็นมูลค่าร้อยละ 20 ของความเสียหายทั้งหมดแล้ว
สำหรับความคืบหน้าการออกร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดผลประโยชน์ส่วนตนขัดกับผลประโยชน์ส่วนรวม หรือกฎหมาย 4 ชั่วโคตรนั้น ตนเองได้สั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกานำเนื้อหาให้ขึ้นเว็บไซต์ในวันนี้ แล้วให้แต่ละกระทรวงแสดงความเห็นภายใน 1 เดือน หลังจากนั้นจะนำมาปรับปรุงแก้ไขแล้วเสนอขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อนเสนอเข้า สนช.ตามขั้นตอนต่อไป
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ได้ส่งรายชื่อเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตรอบที่ 8 ให้นายกรัฐมนตรีแล้ว ซึ่งคาดว่าจะประกาศรายชื่อได้ในวันนี้ โดยจะมีประมาณ 70-80 คน ส่วนใหญ่เป็นข้าราชการท้องถิ่น ในจำนวนนี้มีตำรวจพัวพันอยู่ 2-3 คน
ส่วนเรื่องการเซ็ตซีโร่องค์กรอิสระ รองนายกรัฐมนตรีปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็น เพราะหากให้ความเห็นไปแล้วจะกลายเป็นรัฐบาลไปกดดัน ซึ่งขณะนี้เป็นช่วงเปิดรับฟังความเห็น