นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) คาดว่า มีความเป็นไปได้ที่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะมีผลบังคับใช้ในเดือนพ.ย.นี้ โดยตามขั้นตอน กรธ.จะเหลือเวลาพิจารณาแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญตามที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอีก 14 วัน จากนั้นต้องส่งไปให้นายกรัฐมนตรีเพื่อเข้าสู่ขั้นตอนนำขึ้นทูลเกล้าฯ และลงพระปรมาภิไธยต่อไป
ทั้งนี้จากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ออกมาเป็นการชี้ให้เห็นชัดเจนว่าผู้ที่จะเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีได้นั้นจะต้องเป็น ส.ส. แต่หากเกิดกรณีที่การเลือกนายกรัฐมนตรีในรอบแรกไม่สามารถทำได้ จะต้องเป็นหน้าที่ของ ส.ส.และ ส.ว.เข้าชื่อกันให้ได้เกินกึ่งหนึ่ง เพื่อขอให้รัฐสภาลงมติ 2 ใน 3 ยกเว้นการใช้รัฐธรรมนูญ เพื่อให้สามารถเลือกนายกรัฐมนตรีจากบุคคลนอกบัญชีของพรรคการเมืองได้ จากเดิมที่กำหนดให้เฉพาะ ส.ส.เท่านั้น ดังนั้นเท่ากับว่า ส.ว.ไม่อาจจะเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีได้ แต่ต้องให้ ส.ส.เป็นผู้เสนอชื่อ
นอกจากนี้ ศาลรัฐธรรมนูญยังได้มีคำวินิจฉัยเพื่อให้ กรธ.แก้ไขเนื้อหาเพิ่มเติมด้วย โดยกำหนดให้การงดเว้นการใช้รัฐธรรมนูญเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีจากบุคคลนอกบัญชีของพรรคการเมืองสามารถทำได้ตลอดระยะเวลา 5 ปี ตามที่คำถามพ่วงบัญญัติไว้ เพื่อให้เกิดประโยชน์ในเรื่องการดูแลเรื่องยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูป โดยไม่ต้องสนใจว่าจะมีการยุบสภาผู้แทนราษฎรกี่ครั้งก็ตาม
ส่วนที่มีการมองกันว่าข้อยกเว้นนี้ จะทำให้มีนายกรัฐมนตรีที่มาจากนอกบัญชีรายชื่อมีอำนาจถึง 8 ปีได้หรือไม่นั้น นายมีชัยกล่าวว่า โดยส่วนตัวแล้วไม่คิดแบบนั้น เพราะแม้จะมีข้อยกเว้น แต่เสียงข้างมากของรัฐสภาก็อาจจะเลือกนายกรัฐมนตรีที่มาจากบัญชีรายชื่อพรรคการเมืองก็ได้ และไม่ขอให้ความเห็นว่ากระบวนการในการเลือกนายกรัฐมนตรีเช่นนี้ จะเป็นการเปิดทางให้มีนายกรัฐมนตรีจากคนนอกหรือไม่