พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมในขณะนี้ว่า ต้องสร้างความเข้าใจกับประชาชนว่าน้ำแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ น้ำเหนือเขื่อน และใต้เขื่อนเจ้าพระยา ซึ่งหลายจังหวัดตั้งอยู่เหนือเขื่อนเจ้าพระยาจึงไม่สามารถระบายออกไปทางไหนได้ เพราะประชาชนไม่ยอมให้ระบาย และกลัวน้ำท่วมพื้นที่ของตนเองทั้งที่รัฐบาลพร้อมจะเยียวยา แต่ก็ไม่ยอมรับเงื่อนไข
ส่วนสถานการณ์น้ำใน กทม.ต้องดูจากปริมาณน้ำในเขื่อนเจ้าพระยาที่ยังไม่เกิน 2,500 ล้านลูกบาศเมตร ดังนั้น กทม.ก็จะไม่ได้รับผลกระทบ แต่การที่มีน้ำท่วมขังในขณะนี้ เป็นเพราะปริมาณฝนตกลงมามาก และเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ จึงไม่สามารถระบายได้ทันที
ขณะที่เกษตกรก็จำเป็นต้องให้ความร่วมมือในการทำนาและการเก็บเกี่ยวข้าวตามที่รัฐบาลให้คำแนะนำ ซึ่งรัฐบาลกำลังแก้ปัญหาทั้งระบบอยู่ และจากการบริหารจัดการน้ำในขณะนี้ทำให้สถานการณ์อยู่ในระดับที่สามารถดูแลได้ คือ น้ำไม่แล้งหรือเกิดน้ำท่วมหนัก ซึ่งแตกต่างจากการบริหารจัดการน้ำในอดีตที่ผ่านมา
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงความคืบหน้าการแต่งตั้งคณะผู้แทนพิเศษ ของคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ยังอยู่ระหว่างการจัดโครงสร้างภายใน เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนกับหน่วยงานที่มีอยู่แล้ว เช่น กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.), ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และภาคเอกชน ซึ่งต้องบูรณาการทำงานร่วมกันเพื่อให้เกิดความรวดเร็ว
ขณะเดียวกันรัฐมนตรีที่เข้ามารับผิดชอบงานจะต้องลงพื้นที่บ่อยมากขึ้น และสามารถตัดสินใจแผนงานโครงการงบประมาณ และประมวลผลการทำงานก่อนเสนอมารัฐบาล ซึ่งเบื้องต้นตนได้เห็นชอบและลงนามในหลักการไปแล้ว โดยขณะนี้รอนำกลับเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง และอยู่ระหว่างการพิจารณาตัดสินใจเลือกจังหวัดที่จะใช้เป็นที่ตั้งสำนักงาน
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงคณะทำงานผู้แทนพิเศษทั้ง 13 คนว่า เป็นบุคคลที่อยู่ในพื้นที่ รวมไปถึง พล.อ.อุดมเดช สีตะบุตร รมช.กลาโหม ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่มีประสบการณ์และเคยทำงานในพื้นที่ ทั้งนี้คาดหวังว่าการตั้งคณะผู้แทนฯ ดังกล่าวจะทำให้เกิดความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ขึ้นได้
ส่วนกรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ใช้งบประมาณ 20 ล้านบาท สำหรับการเดินทางไปร่วมประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน-สหรัฐฯ ที่มลรัฐฮาวาย สหรัฐอเมริกาว่า ให้กระทรวงกลาโหมไปตรวจสอบและชี้แจง ซึ่งหากชี้แจงได้ก็ให้ชี้แจงตามระบบ โดยไม่จำเป็นต้องมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ
พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าสถานที่ที่ไปประชุมไม่มีสายการบินบินตรง จึงจำเป็นต้องมีการเช่าเหมาลำ โดยขออย่านำมาสร้างเป็นประเด็นเชื่อมโยง และขอให้ดูที่วัตถุประสงค์ว่าเป็นการไปทำงานเพื่อให้เกิดประโยชน์ ไม่ได้เดินทางไปพักผ่อน และเป็นการเดินทางไปเป็นหมู่คณะ เพราะมีเจ้าหน้าที่ร่วมประชุมหลายคณะ แต่หากใครติดใจก็สามารถดำเนินการฟ้องร้องเอาผิดได้