พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวปาฐกถาในงานเปิด"โครงการประชาสังคมเข็มแข็ง สู่ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์" ว่า รัฐบาลมีความมุ่งหวังว่าการรวมกลุ่มของประชาชนก็เพื่อสร้างสรรค์การทำงาน ไม่ใช่รวมกลุ่มเพื่อสร้างความขัดแย้ง ทุกคนต้องมีทั้งส่วนได้และส่วนเสีย ซึ่งรัฐบาลกำลังเดินหน้าปฎิรูปประเทศ ขณะที่การแก้ปัญหาของประเทศต้องมีการวางแผนงานอย่างเชื่อมโยง ร่วมมือกันในเชิงปฏิบัติ ตนเองเข้ามาเพื่อวางระบบใหม่ ไม่ได้เข้ามาเพื่อรังแกใคร แต่อาจมีคนไม่พอใจบ้างที่ต้องบังคับใช้กฎหมาย แต่เพื่อเป็นไปด้วยความเรียบร้อยให้เกิดผลสัมฤทธิ์
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การดำเนินการทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม โดยขออย่านำทุกคดีมาโยงกัน รวมไปถึงคดีของน้องชายตนเองก็ให้ดำเนินการไปสอบสวนตามกระบวนการยุติธรรม
"ไม่ว่าจะญาติผมก็ไปสอบกันมา คดีใครคดีมัน ใครทำผิดก็ว่าไปตามกระบวนการยุติธรรม อย่ามาเชื่อมโยงกับผม เพราะที่ผ่านมา คนที่ทำผิดในประเทศ ผมยังไม่เคยเอาไปเชื่อมโยงกับคนต่างประเทศ" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ผ่านมามีการบังคับใช้ พ.ร.บ.รับผิดทางละเมิด มากว่า 5,000 คดีแล้ว ไม่ใช่เพิ่มจะนำมาใช้กับคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว จึงอยากให้ทุกคนเกิดความเข้าใจอย่างถูกต้อง และหากทุกคนมองการแก้ปัญหาเป็นเพียงหน้าที่ของรัฐบาลและนักการเมืองจะทำให้ประเทศจมปลักอยู่แบบเดิม ดังนั้นทุกคนต้องคิดและทำหน้าที่ในฐานะพลเมือง ประเทศจะเดินไปได้
"ถ้าวันนี้ทุกคนยังพูดแต่ว่าต้องการเพียงประชาธิปไตยและการเลือกตั้ง แต่ประเทศก็กลับไปเป็นเช่นเดิม ซึ่งในขณะนี้ผมไม่สามารถทำได้ เพราะต้องทำให้ประเทศเดินหน้าต่อไป" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ส่วนประเด็นที่กังวลว่าในช่วงการปฎิรูปมีความจำเป็นต้องใช้งบประมาณมากนั้นจึงต้องคิดว่าจะทำอย่างไรให้ใช้จ่ายงบฯน้อยที่สุด ขณะนี้รัฐบาลกำลังแก้ปัญหา ทุกคนต้องเรียนรู้และช่วยกัน แต่สิ่งที่ยังมีปัญหาคือ การสร้างความเข้าใจของประชาชน และอยากให้เข้าใจในงานที่รัฐบาลแก้ปัญหาในแต่ละด้าน ทั้งเรื่องการเมือง เศรษฐกิจ สังคม กฎหมายและต่างประเทศ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องการให้ทุกภูมิภาคเข้มแข็ง ทุกคนต้องร่วมมือกันอย่างสร้างสรรค์ ทั้งการพัฒนาสังคมและคุณภาพชีวิต และต้องเร่งพัฒนาคนรุ่นใหม่อีก 20 ปีข้างหน้า สร้างห่วงโซ่ขึ้นมาใหม่ตามการพัฒนาไทยแลนด์ 4.0 และต้องพัฒนาให้สอดคล้องกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่มีอยู่