(เพิ่มเติม1) ครม.รับทราบตั้ง"ครม.ส่วนหน้า"บูรณาการแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้, คาดลงพื้นที่สัปดาห์หน้า

ข่าวการเมือง Tuesday October 4, 2016 17:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบการแต่งตั้งคณะผู้แทนพิเศษของคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (คปต.) หรือ ครม.ส่วนหน้า เพื่อทำหน้าที่บูรณาการการแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

"วันนี้ได้มีการนำเรื่องนี้มาให้คณะรัฐมนตรีได้รับทราบ ไม่มีข้อทักท้วงใดๆ ก็ถือว่าเป็นมติ" พล.ท.สรรเสริญ กล่าว

พล.ท.สรรเสริญ กล่าวว่า การแต่งตั้งคณะผู้แทนพิเศษเพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องการบูรณาการการใช้งบประมาณ ซึ่งเดิมทีไม่สามารถใช้งบประมาณข้ามหน่วยงาน แต่หากจะใช้ต้องตรากฎหมายเป็น พ.ร.บ. ซึ่งมีขั้นตอนนานพอสมควร อีกทั้งโครงสร้างการทำงานของ คปต.จะมีทั้งข้าราชการประจำ และข้าราชการการเมือง ที่ทำงานอยู่ในส่วนกลางเป็นส่วนใหญ่ ทำให้การทำงานให้พื้นที่ขาดความต่อเนื่อง

"คณะผู้แทนพิเศษฯ จะเป็นสมาชิกของ คปต.ด้วย นั่นหมายความว่าท่านสามารถทลายกำแพงเรื่องการบูรณาการงบประมาณ เพราะถ้าส่งรายละเอียดการบูรณาการตามสายงานมาถึงส่วนกลางมันต้องใช้เวลายาวนาน คณะผู้แทนพิเศษฯ จะลงไปดูแผนงานทั้งปวง ถ้าสามารถแก้ไขปัญหาตรงพื้นที่ได้เลยเขาก็ทำ แต่ถ้าเกินวิสัยก็สามารถเสนอข้อมูลที่ส่วนกลางได้เลย ไม่ต้องเสียเวลายาวนาน แต่คณะผู้แทนพิเศษฯ ไม่ได้มีอำนาจไปสั่งการใคร งานที่มีอยู่ก็จะไม่ซ้ำซ้อน" พล.ท.สรรเสริญ กล่าว

ด้านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า การแต่งตั้ง พล.อ.อุดมเดช สีตะบุตร รมช.กลาโหม และบุคคลอื่นรวม 13 ราย เป็นคณะผู้แทนพิเศษของคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อขับเคลื่อนการปัญหาความไม่สงบในชายแดนภาคใต้ตามยุทธศาสตร์ 9 ข้อ ทั้งในด้านเศรษฐกิจ ความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และการพูดคุยสันติสุข โดยจะบูรณาการและส่งเสริมความร่วมมือในด้านแผนงาน การใช้งบประมาณ บุคลากร ตลอดจนการปรับปรุงและพัฒนาการใช้เทคโนโลยี เพื่อเฝ้าระวังการก่อเหตุ โดยจะมีการติดตั้งกล้องวงจรปิด ตลอดจนการขับเคลื่อนสามเหลี่ยมเศรษฐกิจในชายแดนใต้ และสร้างความเชื่อมั่นไม่ให้ประชาชนหวาดกลัวผู้ก่อความไม่สงบ โดยคาดว่าจะสามารถลงพื้นที่ปฏิบัติหน้าที่ในสัปดาห์หน้า

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะผู้แทนพิเศษจะไม่ทำงานซ้ำซ้อนกับหน่วยงานที่มีอยู่เดิม และไม่ได้มีอำนาจในการตัดสินใจ แต่จะทำหน้าที่ในการกลั่นกรองแผนงานเพื่อนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี และขณะนี้มีภาคเอกชนสนใจที่จะลงทุนในพื้นที่ดังกล่าวแล้ว โดยมีวงเงินลงทุนมากถึง 1.6 หมื่นล้านบาท แต่ยังไม่สามารถเข้าไปลงทุนได้ เนื่องจากไม่มั่นใจเรื่องความปลอดภัย ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องทำให้ประชาชนเกิดความมั่นใจเพื่อนำไปสู่การลงทุนในอนาคต


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ