นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง เกี่ยวกับการยุบพรรคการเมืองว่า ในเบื้องต้นมี 4 ประเด็น คือ 1.ใครกระทำการที่เป็นปฏิปักษ์กับการปกครองใช้อำนาจโดยไปล้มล้างการปกครอง 2.การรับเงินจากคนต่างด้าว 3.การรับเงินจากคนที่สนับสนุนให้มีการล้มล้างการปกครอง 4.รับเงินมาเพื่อเอาตำแหน่งมาแจก ซึ่งอาจจะมีโทษถึงขั้นยุบพรรค
นายมีชัย กล่าวว่า กรธ.กำลังออกแบบให้ประชาชนสามารถยื่นเรื่องไปที่อัยการสูงสุดได้ โดยอัยการสูงสุดจะมีเวลาพิจารณา 30 วัน ถ้าอัยการไม่ดำเนินการก็สามารถฟ้องเองได้ เช่นเดียวกับการให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีอำนาจฟ้องให้ยุบพรรคการเมืองได้โดยตรงเช่นกัน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเหมือนที่ผ่านมา
ส่วนการยุบพรรคจะมีผลไปถึงกรรมการบริหารพรรคที่จะต้องถูกตัดสิทธิไปด้วยหรือไม่นั้น นายมีชัย กล่าวว่า กรธ.ไม่ได้ระบุไว้ แต่ให้ขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นผู้กระทำผิด เป็นความผิดรายบุคคล คงไม่โดนทั้งพรรค เพราะพรรคเป็นนิติบุคคล
ขณะที่การกำหนดโทษของการซื้อขายตำแหน่งที่ระบุว่ามีโทษถึงขั้นประหารชีวิตนั้น นายมีชัย ย้ำว่า หลักการที่ กรธ.วางไว้ คือ จะมีโทษเหมือนการทุจริตที่มีโทษถึงประหารชีวิต และกำลังพิจารณาว่าจะมีโทษที่เบากว่า เช่น จำคุกตลอดชีวิตหรือไม่ ซึ่งไม่ใช่การประหารชีวิตทางการเมือง เพราะเรื่องนี้เป็นคดีอาญา ทั้งหมดขึ้นอยู่กับเหตุผลและพฤติการณ์ที่เป็นความผิด เพราะโทษการประหารชีวิตถือเป็นบทลงโทษที่มีอยู่ในกฎหมายอยู่แล้ว อย่างไรก็ดี ทั้งหมดยังไม่ใช่ข้อสรุป หากคิดว่าโทษแรงไปก็อาจมีการปรับได้
นายมีชัย กล่าวด้วยว่า เมื่อวานนี้ (1 พ.ย.) กรธ.ได้รับหนังสือเกี่ยวกับการแก้คำปรารภในร่างรัฐธรรมนูญจากรัฐบาลแล้ว และได้ส่งกลับไปให้รัฐบาลในช่วงเช้าที่ผ่านมา ซึ่งรัฐบาลต้องให้เจ้าหน้าที่กองอารักษ์ไปดำเนินการแก้ไข จากนั้นรัฐบาลจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ภายในกำหนดเวลาคือวันที่ 9 พ.ย.นี้ และคงไม่มีปัญหา โดยในส่วนที่แก้ไขกลับไปมี 2 จุดคือ 1.พระปรมาภิไธย 2.ลำดับพระญาติที่เกี่ยวข้องกับรัชกาลที่ 7