(เพิ่มเติม) นายกฯ แนะทูตไทยปรับการทำงานให้สอดรับสถานการณ์โลก

ข่าวการเมือง Thursday November 10, 2016 14:56 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ไทยทั่วโลก ประจำปี 2559 ว่า การประชุมครั้งนี้เป็นการทำความเข้าใจถึงพัฒนาการของประเทศไทยในด้านต่างๆ พร้อมทั้งตอบข้อซักถามของเจ้าหน้าที่สถานทูตต่างๆ ซึ่งในภาพรวมถือว่าทุกฝ่ายมีความเข้าใจกันดีอยู่แล้ว เพียงแต่เป็นการชี้แจงเพิ่มเติมเท่านั้น

นายกรัฐมนตรีย้ำว่า ประเทศต้องเดินหน้าต่อไปโดยมีวิสัยทัศน์และยุทธศาสตร์ จึงขอให้ทุกฝ่ายทำหน้าที่ของตนเองเพื่อขับเคลื่อนประเทศให้ก้าวหน้า โดยขอให้กระทรวงการต่างประเทศ เอกอัครราชทูตไทยและกงสุลใหญ่ทำหน้าที่สำคัญในฐานะเป็นศูนย์กลางการเชื่อมโยงความร่วมมือของรัฐบาลไทยกับต่างประเทศ

โดยการประชุมครั้งนี้มุ่งเน้นปรับการทำงานของกระทรวงการต่างประเทศที่ได้ทำมาแล้วตลอด 2 ปีที่ผ่านมาซึ่งถือว่าทำได้ดีอยู่แล้ว เพียงแต่วันนี้ต้องให้ทันต่อสถานการณ์โลก ทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมืองและสังคม เพราะโลกเปลี่ยนแปลงทุกวัน เช่น ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงไป

"อย่าเพิ่งไปเรียกร้องอะไรจากใครมากนัก เพราะทุกอย่างหากเรามีความพร้อมก็จะคุยกับทุกประเทศได้ วันนี้ทุกฝ่ายได้ทำให้คืบหน้าไปแล้ว"

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบยุทธศาสตร์ด้านการต่างประเทศและแนวทางการทำงานของกระทรวงการต่างประเทศทั้งในภาพรวมระยะยาว ที่ให้ความสำคัญกับการมองภาพใหญ่ทั้งภายในและภายนอกประเทศ เพื่อให้การก้าวไปข้าวหน้าในบริบทโลกและภูมิภาคที่เปลี่ยนแปลงเป็นไปอย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยการสร้างความเข้มแข็งจากภายในประเทศที่สอดคล้องกับการขับเคลื่อนประเทศตามเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และนโยบาย Thailand 4.0 ขณะเดียวกันรัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศต้องร่วมกันชี้แจงให้ต่างประเทศรับทราบและเข้าใจในนโยบายต่างๆของไทย วิสัยทัศน์ของไทยที่เน้นความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน และการสานต่อความร่วมมือกับมิตรประเทศและองค์การระหว่างประเทศ ทั้งระดับทวิภาคีและพหุภาคีแบบคู่ขนาน

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การดำเนินความสัมพันธ์ของไทยและต่างประเทศต้องมีทั้งการมองใกล้และมองไกล โดยมองดูศักยภาพของไทย ขอให้ติดตามพัฒนาการต่างๆ และการดำเนินการของรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา ทั้งเรื่องการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และสร้างการสื่อสารอย่างบูรณาการกับประชาชนในประเทศและต่างประเทศให้รับทราบ ในอนาคตไทยต้องเพิ่มมูลค้าการค้าขายกับมิตรประเทศ โดยเฉพาะ CLMV รวมถึงการส่งเสริมการพัฒนาพื้นที่ชายแดน การแก้ปัญหาข้ามแดน และการสร้างความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจ การค้าการลงทุนและการท่องเที่ยว รวมทั้งขยายความร่วมมือในทุกๆ ด้าน ที่จะส่งเสริมให้ไทยและประเทศเพื่อนบ้านพัฒนาไปด้วยกัน

ทั้งนี้ เรื่องเศรษฐกิจเป็นวาระสำคัญของรัฐบาล นายกรัฐมนตรีจึงขอให้เอกอัครราชทูตการดำเนินการทูตเชิงเศรษฐกิจ ตามที่รัฐบาลได้เน้นมาตรการในการสร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกร ชุมชน SMEs Start-up และการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ รัฐบาลมีมาตรการดึงดูดนักลงทุน โดยรัฐบาลได้ปรับปรุงการให้สิทธิประโยชน์แบบทั่วไปและแบบเฉพาะ เพื่อส่งเสริมให้ไทยมีศักยภาพการในการเป็นศูนย์กลางการลงทุนในภูมิภาค นายกรัฐมนตรีจึงขอให้เอกอัครราชทูตไทยและกงสุลใหญ่ช่วยกันผลักดันอย่างเต็มที่และส่งเสริมให้ต่างประเทศเข้ามาลงทุน ชี้แนะช่องทางและโอกาสทางเศรษฐกิจ รวมถึง ส่งเสริมภาคเอกชนไทยในการเข้าไปลงทุนในต่างประเทศ และการจับคู่ของภาคธุรกิจไทยและต่างประเทศในสาขาที่มีศักยภาพ

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีขอให้เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ในต่างประเทศใช้การทูตเชิงรุก สามารถชี้แจงและสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องในทุกเรื่อง เสริมสร้างความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทย ส่งเสริมความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านและประเทศที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ โดยรักษาความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับประเทศมหาอำนาจ มุ่งส่งเสริมเสถียรภาพและสันติภาพในภูมิภาค รวมถึงให้มีการเตรียมความพร้อมของไทยในการเป็นประธานอาเซียนในปี 62 ด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ