นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ยืนยันว่า แม้คุณสมบัติของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตามรัฐธรรมนูญใหม่จะส่งผลให้ กกต.หลายคนขาดคุณสมบัติ แต่จะไม่มีการเซ็ทซีโร่ใหม่ โดยหาก กกต.ชุดเก่าไม่ขาดคุณสมบัติก็ทำหน้าที่ต่อได้ แต่ต้องสรรหา กกต.เพิ่มอีก 2 คนตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด ซึ่งต้องรีบทำให้เสร็จเพื่อให้ทันการเลือกตั้งครั้งต่อไป
ส่วนเรื่องคุณสมบัติของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นั้น กรธ.กำลังพิจารณาว่าสามารถผ่อนปรนเรื่องอะไรได้บ้างเท่าที่จะไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ในเรื่องระยะเวลาอาจนับต่อเนื่องได้
ทั้งนี้ คาดว่าร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย กกต. และร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง รวมถึงคุณสมบัติกรรมการ ป.ป.ช.จะได้ข้อสรุปภายในเดือน พ.ย.นี้ และส่งไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เมื่อรัฐธรรมนูญประกาศใช้แล้ว เพราะเกรงว่าหากส่งไปก่อนจะเกิดปัญหาตามมาในภายหลัง
ส่วนกรณีเจ้าหน้าที่ กกต.ต้องการปรับเปลี่ยนเป็นข้าราชการนั้น นายมีชัย กล่าวว่า ถ้าเป็นข้าราชการจะตกอยู่ใต้อาณัติของฝ่ายบริหารซึ่งจะทำให้ขาดความเป็นอิสระ แต่กำลังดูว่าหากไม่เป็นข้าราชการ แต่ได้สิทธิเทียบเท่ากันจะเป็นไปได้หรือไม่ พร้อมกันนี้จะเชิญคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) และคณะกรรมการพัฒนาระบบข้าราชการ (กพร.) เข้ามาร่วมประชุมกับ กรธ.ว่าจะปรับเปลี่ยนเจ้าหน้าที่ กกต.เป็นข้าราชการได้หรือไม่ และทำอย่างไรไม่ให้เกิดปัญหา
ส่วนจะมีการตั้งผู้ตรวจการการเลือกตั้งมาทำหน้าที่แทน กกต.จังหวัดนั้น นายมีชัย กล่าวว่า ค่อนข้างได้ข้อสรุปแล้วว่าให้มีที่มาจากการให้ กกต.ขึ้นบัญชีไว้ เวลาจะทำงานก็จับฉลากเพื่อลงพื้นที่ ป้องกันการล็อบบี้ แต่ยังสามารถปรับแก้ได้ ทั้งนี้ที่ผ่านมาการกำหนดให้ กกต.จัดการเลือกตั้งท้องถิ่นด้วย เหมือนกับว่า กกต.มีงานทำทั้งปี ทำให้ กกต.ต้องส่งคนไปฝังตัวในท้องถิ่น จนเกิดความคุ้นชิน สนิทสนมกับคนในพื้นที่ กรธ.จึงกำหนดให้ กกต.จัดการเลือกตั้งฉพาะระดับประเทศ ส่วนการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นก็ให้คนท้องถิ่นทำ และให้ กกต.เป็นผู้ควบคุมเฉพาะเวลามีการเลือกตั้งเท่านั้น