นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คนที่ 2 กล่าวถึงร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่กำหนดคุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่ง กกต.จนอาจทำให้ กกต.บางคนต้องพ้นจากตำแหน่งนั้นเป็นแนวคิดของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ส่วนถึงขั้นต้องรีเซ็ตกกต.ใหม่หรือไม่ ส่วนตัวเห็นว่า ช่วงที่ทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ กกต.ก็ทำหน้าที่ได้ดี การจัดเลือกตั้งบางครั้งก็ต้องใช้ประสบการณ์
"ถ้ารีเซ็ตใหม่หมดก็อาจเกิดปัญหาได้ กรรมการ กกต.บางคนต้องพ้นจากตำแหน่งไปก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของคุณสมบัติที่ กรธ.จะร่างออกมา ซึ่งสุดท้าย สนช.ก็จะได้พิจารณา" นายพีระศักดิ์ กล่าว
ส่วนกรณีการให้รางวัลนำจับผู้ที่พบการทุจริตซื้อสิทธิขายเสียงนั้นน่าจะช่วยลดการซื้อสิทธิขายเสียงได้ เพราะที่ผ่านมา การซื้อเสียงเป็นการใช้เงินล่อใจให้มาใช้สิทธิ อีกทั้งถ้าอาศัยแค่ กกต.จังหวัดดำเนินการก็อ้างว่าไม่มีกำลัง การให้ประชาชนไปหาหลักฐานมาเองทำให้เกิดช่องว่าง เพราะการเลือกตั้งท้องถิ่นส่วนใหญ่ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งค่อนข้างมีอิทธิพล ซึ่งข้อมูลอาจรั่วไหลได้ ดังนั้นการให้รางวัลนำจับก็น่าจะช่วยได้ในระดับหนึ่ง ส่วนถึงขั้นควรต้องยุบ กกต.จังหวัดหรือไม่นั้นเป็นหน้าที่ของ กรธ.ที่จะพิจารณาต่อไป แต่ส่วนตัวเห็นว่าควรจะแค่ปรับบทบาทหน้าที่
สำหรับการยกร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ที่จะมีการกำหนดบทลงโทษถึงขั้นประหารชีวิตกรณีทุจริตซื้อขายตำแหน่งว่า กฎหมายของไทยที่บังคับใช้ทันสมัยอยู่แล้ว แต่ปัญหาคือการบังคับใช้ที่ไม่เคร่งครัด ซึ่งการลงโทษประหารชีวิตนั้นในหลายประเทศก็ยกเลิกไปหมดแล้ว ดังนั้น การกำหนดโทษต้องเหมาะสมกับความผิดและนึกถึงสังคมโลกด้วย อีกทั้งควรให้ศาลใช้ดุลยพินิจว่าผู้กระทำความผิดมีข้อเท็จจริงประกอบอะไรบ้าง
"แม้ว่าการซื้อขายตำแหน่งถือเป็นความผิดร้ายแรงเพราะเท่ากับเป็นการทำหน้าที่ของตัวเองไม่สมบูรณ์ แต่ก็มีบทลงโทษทางปกครองและทางวินัยที่ไล่ออกจากราชการ ซึ่งถือว่ารุนแรงอยู่แล้ว" นายพีระศักดิ์ กล่าว