นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ชี้แจงมาตรฐานใหม่ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในยุคปฏิรูปประเทศต่อผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและเอกชนว่า ตลอดระยะเวลาการดำเนินงานด้านการปฏิรูปการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบของ กมธ.ฯ ได้พิจารณากลไกในการป้องกันการทุจริตในด้านต่างๆ ให้เกิดความครบครอบถ้วนและชัดเจนในทุกมิติ เช่น การยกร่าง พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.... จากเดิมเป็นเพียงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งสาระสำคัญจะเป็นการตั้งมาตรฐานในการจัดซื้อจัดจ้างให้เกิดความโปร่งใสและชัดเจน
นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อนุกรรมาธิการฯ กล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.... มีความสอดคล้องตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต ค.ศ.2003 เพื่อให้เกิดความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน อาทิ หน่วยงานภาครัฐจะต้องประกาศล่วงหน้า ถึงหลักเกณฑ์ในการตัดสินและวินิจฉัยในการจัดซื้อจัดจ้าง อย่างเปิดเผย และเป็นธรรม โดย พ.ร.บ.ดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ทั้งภาคส่วนของรัฐและเอกชน เพื่อให้มีทิศทางเดียวกันในการจัดซื้อจัดจ้างที่โปร่งใส
ด้านพล.อ.อ.วีรวิท คงศักดิ์ อนุกรรมาธิการฯ กล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวม พ.ศ. ...จะเน้นบังคับใช้กับข้าราชการและหน่วยงานภาครัฐ เนื่องจากมีการบัญญัติข้อปฏิบัติในการทำงานของข้าราชการ ทั้งระเบียบอนุญาต และไม่อนุญาตการใช้ทรัพย์สินของราชการ ซึ่งหาก ป.ป.ช.พบการกระทำผิดของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐจะมีการสอบข้อเท็จจริงภายใน 90 วัน และให้ศาลปกครองสูงสุดเป็นผู้พิจารณาวินิจฉัยโดยเร็วตามหลักความเป็นธรรม