พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังการประชุมด้านความมั่นคง และการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในการลงพื้นที่ จ.นราธิวาสว่า ได้สั่งการไว้ชัดเจนเรื่องงานด้านความมั่นคงในพื้นที่ว่าทุกอย่างต้องเดินไปตามนโยบายในปี 2560 ซึ่งเป็นปีของการปฎิรูปประเทศ ขณะเดียวกันการพูดคุยสันติสุขก็ยังเป็นกระบวนที่ดำเนินการอยู่ควบคู่กับการบังคับใช้กฎหมาย
ทั้งนี้ สถานการณ์ด้านความมั่นคงในพื้นที่มีแนวโน้มที่ดีขึ้น แต่ต้องใช้เวลาในการแก้ไขปัญหา เนื่องจากอดีตที่ผ่านมามีการสร้างความเกลียดชัง และยังมีคนบางส่วนใช้ความรุนแรงกดดันรัฐบาล แต่รัฐบาลนี้ก็จะแก้ปัญหาและจะดูแลพื้นที่ให้ดีขึ้น
สำหรับแนวทางการพัฒนาโครงการเมืองต้นแบบสามเหลี่ยมแห่งความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้มอบแนวทางให้การทำงานสอดคล้องใน 14 จังหวัดภาคใต้ ขณะเดียวกันยอมรับว่า 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีศักยภาพหลายด้าน ทั้งการเชื่อมโยงและการคมนาคมที่ดีในระดับหนึ่ง ซึ่งอาจเป็นศูนย์กลางของอาเซียนได้ และหลายโครงการที่ของบประมาณไว้ก็ได้รับหลักการในเบื้องต้นไว้แล้ว โดยจะมอบหมายให้คณะกรรมการส่วนกลางไปพิจารณา
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในส่วนตัวแล้วอยากเห็นโครงการในพื้นที่ดำเนินงานแบบประชารัฐ โดยประชาชนต้องมีส่วนร่วม เช่น การส่งเสริมการแปรรูปอุตสาหกรรมยาง ซึ่งในพื้นที่ก็ดำเนินการไป แต่หากไม่เพียงพอ เอกชนจะเข้ามาสนับสนุนเพิ่มเติม เนื่องจากต่างประเทศให้ความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมนี้
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังย้ำว่าการพัฒนาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ต้องนำปัจจุบันไปสู่อนาคตตามแผนยุทธศาสตร์ 20 ปี โดยภาคใต้จะต้องวาดภาพให้เห็นว่าจะเดินต่อไปในทิศทางใด ซึ่งประชาชนในพื้นที่จะต้องปรับตัว เพื่อพัฒนาทั้งคน สังคม และอุตสาหกรรม เพื่อก้าวสู่ Thailand 4.0
"อนาคตของประเทศจะเป็นอย่างไรนั้น ดูได้จากการที่ต่างประเทศเข้ามาพูดคุย ซึ่งทุกอย่างก็ดำเนินไปตามโรดแมป มีขั้นตอนทั้งการหาเสียง การเลือกตั้งที่จะต้องใช้เวลาพอสมควร เวลาถึงตรงไหนก็ตรงนั้น ไม่เคยเลื่อน"นายกรัฐมนตรี ระบุ
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ขอบคุณประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่อดทนต่อความยากลำบาก ทั้งปัญหาอุทกภัย รวมถึงรายได้น้อย ซึ่งรัฐบาลจะเร่งรัดแก้ปัญหาให้เห็นผลโดยเร็ว พร้อมทั้งขอบคุณประชาชนในพื้นที่จังหวัดนราธิวาสที่เดินทางไปถวายสักการะพระบรมศพ ถึงแม้จะใช้เวลานานก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ต่างประเทศมองเห็นการที่ประเทศไทยรวมใจเป็นหนึ่งเดียวซึ่งรัชกาลที่ 10 ทรงรับสั่งเสมอว่าจะเดินตามแนวทางของพระราชชนก
ส่วนสถานการณ์อุทกภัยขณะนี้ได้รับทราบรายงานว่า สาเหตุเกิดจากการระบายน้ำได้ช้า จึงได้สั่งการให้ศึกษาการขุดคลอง หรือทำระบบอื่น เพื่อจะระบายน้ำลงทะเลให้ได้โดยเร็ว แต่ก็ต้องขอเวลาแก้ไขปัญหาในขั้นที่หนึ่งให้ได้ก่อน
ส่วนปัญหาการตั้งโรงไฟฟ้าในพื้นที่นั้น นายกรัฐมนตรี ขอให้ประชาชนเข้าใจถึงความจำเป็น มองภาพรวมถึงผลประโยชน์ของคนส่วนใหญ่เป็นสำคัญ เพราะภาคใต้ประสบปัญหาไฟฟ้าไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนในพื้นที่ ภาครัฐจึงเร่งศึกษารายละเอียด และขอให้ประชาชนเข้ามีส่วนร่วมเสนอโครงการในพื้นที่ ซึ่งจะต้องเป็นโครงการที่รักษาระบบนิเวศที่ดี
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำว่าในพื้นที่ภาคใต้ต้องพัฒนาสินค้า GI และส่งเสริมคุณภาพ รวมถึงการพัฒนาอาหารฮาลาล โดยมุ่งหวังการก้าวสู่จุดศูนย์กลางอาเซียนในด้านนี้ รวมทั้งหวังจะเห็นการพัฒนาด้านปศุสัตว์ ควบคู่กับการปลูกพืช เพื่อเป็นช่องทางในการเพิ่มรายได้อีกทางหนึ่ง
ส่วนงานด้านการศึกษา ขอยืนยันว่าจะพัฒนาให้มีคุณภาพมากขึ้น แต่ต้องขอร้องให้โรงเรียนเอกชนสอนศาสนา เช่น โรงเรียนปอเนาะ โรงเรียนตาดีกา สอนความรู้สามัญพื้นฐาน เพื่อให้เด็กและเยาวชนสามารถแข่งขันกับโรงเรียนอื่นทั่วไปได้ ซึ่งไม่ใช่การละเมิดอัตลักษณ์ของคนในพื้นที่แต่อย่างใด
นายกรัฐมนตรี ยังขอบคุณพี่น้องชาวภาคใต้ที่ฝ่าฟันปัญหาทั้งอุทกภัยและความรุนแรง ซึ่งรัฐบาลได้รับรู้ปัญหาและให้ความสำคัญและไม่ได้ทอดทิ้ง ถึงแม้ว่าตนจะไม่ได้ลงพื้นที่แต่ได้ติดตามปัญหาและสั่งการไปยังทุกพื้นที่ตลอด ทั้งนี้ก็มุ่งหวังจะทำประโยชน์เพื่อประชาชนทั้ง 70 ล้านคน