นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้เชิญกรมบังคับคดี และกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงการคลังมาหารือร่วมกันภายหลังศาลปกครองยกคำร้องของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ และพวกอีก 5 คน เนื่องจากการดำเนินการต้องเดินหน้าต่อไป โดยการบังคับคดี แม้จะเป็นคดีปกครอง แต่สามารถนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้โดยอนุโลม เพราะฉะนั้นอายุความคดีจะมีกำหนด 10 ปีตั้งแต่มีคำสั่ง โดยในระหว่างนี้หากพบว่ามีทรัพย์สินที่ใดก็สามารถตามยึดอายัดทรัพย์ได้ เว้นแต่ว่ามีการร้องขอต่อศาลให้สั่งคุ้มครองชั่วคราวหรือทุเลาการบังคดีก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง และหากยังไม่มีคำสั่งศาลก็สามารถดำเนินการยึดทรัพย์ได้ทันที
ทั้งนี้ นายวิษณุ กล่าวว่า ได้รับทราบแนวทางการยึดทรัพย์จากกรมบังคับคดีแล้ว แต่ไม่จำเป็นต้องเปิดเผย โดยหลังจากนี้หากมีการร้องต่อศาลปกครองขอให้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวอีกครั้งหนึ่ง ทรัพย์สินที่ถูกยึดไปแล้วก็ไม่จำเป็นต้องคืน เพียงแต่กระบวนการยึดทรัพย์จะต้องหยุดไว้ชั่วคราวจนกว่าศาลจะพิจารณาและมีคำสั่งออกมา
สำหรับกระบวนการเกี่ยวกับเรื่องนี้ กรมบังคับคดีจะเป็นผู้ยึดหรืออายัดทรัพย์ ส่วนกระทรวงการคลังหรือกระทรวงพาณิชย์จะเป็นผู้นำสืบทรัพย์ เพื่อยึดหรืออายัดทรัพย์ต่อไป โดยในส่วนคดีการซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี ก็เป็นหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ในการเป็นผู้นำสืบทรัพย์
"กระบวนการสืบทรัพย์ทำได้แค่ไหนก็แค่นั้น อีกหนึ่งปีสืบทรัพย์พบก็นำยึดใหม่ อีกห้าปีพบอีกก็นำยึดอีก กระบวนการเหล่านี้ทำได้ตลอด 10 ปี โดยระหว่างนี้ไม่สามารถยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินได้ เพราะอาจเข้าข่ายความผิดทางอาญา ฐานโกงเจ้าหนี้ หรือ หากมีการนำทรัพย์ไปขายต่อ ก็มีความผิดฐานฉ้อฉลต่อเจ้าหนี้ ที่สามารถร้องขอศาลให้การขายต่อนั้นเป็นโมฆะได้ ซึ่งกรมบังคับคดียืนยันว่า ได้เคยดำเนินการในลักษณะนี้มาแล้วกว่า 50 ปี"นายวิษณุ กล่าว
อย่างไรก็ตาม นายวิษณุ กล่าวว่า กรณีทรัพย์สินผู้ถูกกล่าวหาหมีเท่ากับจำนวนทรัพย์ที่ต้องยึดหรืออายัด กรมบังคับคดีก็จะไล่ยึดและอายัดทรัพย์จนครบ 10 ปี ได้เท่าไหนก็เท่านั้น ส่วนบุคคลที่ยังหลบหนีคดีอยู่ก็เป็นหน้าที่ของตำรวจในการเร่งรัดติดตามจับกุม ขณะเดียวกันกรมบังคับคดีก็ดำเนินการยึดทรัพย์ได้ทันที ส่วนกรณีล้มละลายก็เป็นอีกขั้นตอนหนึ่งที่ยังไม่มีใครคิดในส่วนนั้น