นายอำพน กิติอำพน ผู้อำนวยการสำนักบริหารนโยบายของนายกรัฐมนตรี (พีเอ็มดียู) แถลงผลการประชุมคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินเชิงยุทธศาสตร์ ครั้งที่ 2/2560 ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่า นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และกรมบัญชีกลาง วางแนวทางการปฏิบัติในเรื่องของการจัดซื้อจัดจ้าง ในระหว่างที่รอ พ.ร.บ.ว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐฉบับใหม่มีผลบังคับใช้ โดยเน้นเรื่องการกำหนดทีโออาร์ หรือข้อกำหนดของผู้ว่าจ้างให้มีความโปร่งใส และภาครัฐได้ประโยชน์อย่างเต็มที่ รวมถึงกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างที่ต้องทำให้ได้ราคากลางที่ถูกต้อง แก้ปัญหาการสมยอมราคา รวมถึงการพิจารณาการจัดซื้อโดยตรงจากผู้ผลิต โดยไม่ผ่านคนกลาง
นอกจากนี้ ยังต้องดูเรื่องของผู้ประกอบการที่จะเข้ามาแข่งขันในโครงการของภาครัฐ ซึ่งจะให้บริษัทต่างชาติสามารถเข้ามาดำเนินการได้ ซึ่งเรื่องนี้จะต้องมีการกลั่นกรองกติกาต่างๆ อย่างรอบคอบและเหมาะสม รวมถึงการเพิ่มจำนวนโครงการที่ดำเนินการภายใต้ข้อตกลงคุณธรรมที่ปัจจุบันมีการดำเนินงานใน 35 โครงการแล้ว เพื่อให้มีการเปิดเผยข้อมูลและเพิ่มประสิทธิภาพของโครงการ รวมถึงการลดการใช้งบประมาณของภาครัฐ และที่สำคัญต้องเพิ่มกระบวนการการเข้ามามีส่วนร่วมของประชาชน
ทั้งนี้หลังจาก พ.ร.บ.ว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ มีผลบังคับใช้ แต่กฎหมายลูกยังไม่แล้วเสร็จ ก็อาจพิจารณาใช้อำนาจตามมาตรา 44 บังคับใช้ไปก่อน ซึ่งแนวทางทั้งหมดจะมีการศึกษาและนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้
อย่างไรก็ตาม จากการที่รัฐบาลได้ดำเนินมาตรการเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างตั้งแต่ปี 2558 ทั้งในส่วนของ e-bidding หรือ วิธีประกวดราคาอิเล็คทรอนิกส์ การดำเนินข้อตกลงคุณธรรม และการเปิดเผยข้อมูลโครงการก่อสร้าง สามารถแก้ปัญหาทั้งในเรื่องของการสมยอมราคาและการล็อคสเปค โดยสามารถทำให้ประหยัดงบประมาณได้กว่า 69,670 ล้านบาท