พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงการเรียกเก็บภาษีจากนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีการขายหุ้น บมจ.อินทัช (INTUCH) หรือเดิมคือ บมจ.ชินคอร์ปอเรชั่น (SHIN) ให้แก่บริษัทเทมาเส็ก โฮลดิ้งส์ (พีทีอี) จำกัด ผ่านบริษัท ซีดาร์ โฮลดิ้งส์ว่า ไม่ได้นิ่งนอนใจในปัญหาเรื่องนี้ แต่ได้ให้หลักการไปว่าจะต้องดำเนินการไม่ให้ขัดต่อหลักนิติธรรม
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าจะไม่ใช้มาตรา 44 ในเรื่องนี้ เพราะไม่อยากให้มองว่าเป็นการไปรุกไล่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า ประเด็นนี้ได้มีการประชุมร่วมกันของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล โดยนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ผู้ตรวจการแผ่นดิน คณะกรรมการกฤษฎีกา คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ปปท.) ซึ่งได้ข้อยุติร่วมกันว่าให้ใช้กฎหมายปกติในการดำเนินการ
หลังจากนี้กรมสรรพากรจะไปดำเนินการในการเรียกเก็บภาษี ส่วนจะเก็บได้หรือไม่ได้ให้ว่าไปตามกระบวนการยุติธรรม ซึ่งจะให้โอกาสทุกฝ่ายไปโต้แย้งในศาล โดยยืนยันว่าการดำเนินการเรื่องนี้เป็นไปตามข้อสรุปของคณะกรรมการ ไม่ได้เป็นการสั่งการโดยตรงจากตน
"สรุปว่าทางกรมสรรพากรจะมีการประเมินภาษี ถ้าไม่ได้ก็อุทธรณ์ตามกฎหมาย ซึ่งการดำเนินการเป็นผลจากคณะกรรมการที่มีมติออกมา ไม่ใช่เป็นการไปรังแกใคร" นายกรัฐมนตรี กล่าว