นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า กรมฯ อยู่ระหว่างการประเมินภาษีจากกรณีนายทักษิณ ชินวัตร ดีตนายกรัฐมนตรี ขายหุ้น บมจ.อินทัช (INTUCH) หรือเดิมคือ บมจ.ชินคอร์ปอเรชั่น (SHIN) โดยทุกอย่างยึดตามกรอบของกฎหมาย แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ แต่ยืนยันว่าจะทันกำหนดสิ้นอายุความใน 31 มี.ค.นี้แน่นอน
"ส่วนตัวยืนยันว่าทำงานในฐานะข้าราชการ ทุกอย่างทำตามระเบียบ กฎหมายของประเทศ เพื่อประโยชน์ของประเทศ"นายประสงค์ กล่าว
ขณะที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในวันนี้กรมสรรพากรได้มารายงานความคืบหน้าการประเมินภาษีขายหุ้นชินคอร์ป ซึ่งทุกอย่างไปด้วยความเรียบร้อย โดยกรมฯ จะประเมินภาษีก่อนหมดอายุความในวันที่ 31 มี.ค. ซึ่งในขั้นตอนจะมีการแจ้งให้นายทักษิณได้ทราบว่าต้องชำระเสียภาษีเท่าใด และหากไม่เสียภาษีก็ต้องเสียค่าปรับ
"การประเมินภาษีของนายทักษิณจะต้องดำเนินการด้วยความถูกต้อง จะทำให้อายุความ 10 ปียุติลง และกระบวนการเรียกเก็บภาษีจะเริ่มนับหนึ่งใหม่ ไปอีก 10 ปี ส่วนการส่งหนังสือให้นายทักษิณรับทราบเพื่อเสียภาษีนั้น ไม่ขอบอกว่าจะส่งไปที่ไหน"นายวิษณุ กล่าว
สำหรับตัวเลขการประเมินภาษีเบื้องต้นตามที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แจ้งมาประมาณ 1.6 หมื่นล้านบาท มีการตั้งข้อสังเกตุว่านายทักษิณถูกยึดทรัพย์ไปแล้ว 4.6 หมื่นล้านบาท จึงไม่ควรจะเสียภาษีอื่นอีกนั้น นายวิษณุ กล่าวว่า ถือเป็นคนละส่วนกัน เพราะการยึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านบาทเป็นผลมาจากคดีอาญาที่ชี้ว่าทุจริต ขณะที่การเสียภาษีเงินได้ถือเป็นอีกเรื่อง
ทั้งนี้ หากนายทักษิณไม่ยอมจ่ายภาษี ก็ยังมีโอกาสยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการประเมินภาษีได้ภายใน 30 วัน ซึ่งขณะนี้กรมสรรพากรได้มีความพร้อมในการประเมินภาษีอยู่แล้ว ขณะเดียวกันรัฐบาลไม่อยากจะตั้งธงว่าต้องชนะคดี แต่ขอให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย และในคดีนี้จะไม่มีการออกกฎหมายเพื่อมาคุ้มครองเจ้าหน้าที่รัฐไม่ไห้ถูกฟ้องกลับเหมือนคดีจำนำข้าว ที่ใช้มาตรา 44 ช่วยเจ้าพนักงานในการปฎิบัติหน้าที่
"การดำเนินการเรื่องนี้รัฐบาลใช้กฎหมายปกติในการดำเนินการ และปฎิเสธว่าไม่ได้ใช้อภินิหารของกฎหมายแล้วทำให้รัฐได้เปรียบ แต่ประเมินแล้วว่า ยังมีช่องทางที่พอจะเสี่ยงและหาทางออกได้ โดยทำตามกระบวนการที่มีอยู่ และดำเนินการด้วยความรอบคอบ" นายวิษณุ กล่าว
ส่วนกรณีที่กระทรวงการคลังตั้งคณะกรรมการสอบเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรที่ไม่ดำเนินการเรียกภาษี นายวิษณุ ระบุว่า ได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบ มาตั้งแต่เดือน ธ.ค.59 แล้ว ซึ่งการสอบสวนต้องใช้เวลา เพราะต้องรอฟังข้อเท็จจริงจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตั้งแต่ปี 50-55 โดยยอมรับว่าเจ้าหน้าที่ไม่ปฎิบัติหน้าที่ก็ถือว่าทำไม่ถูกต้อง ซึ่งตนเองรับทราบเหตุผลที่ก่อนหน้านี้กรมสรรพากรไม่ได้ประเมินภาษีแล้วมี 3 ประเด็น แต่ไม่ขอเปิดเผย