นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า คดีการเก็บภาษีจากการขายหุ้น บมจ.อินทัช (INTUCH) หรือเดิมคือ บมจ.ชินคอร์ปอเรชั่น (SHIN) หรือ ชินคอร์ป ได้ข้อยุติไปแล้วตั้งแต่ก่อนหน้านี้ว่า กรมสรรพากรไม่สามารถออกใบประเมินภาษีเพื่อ เก็บภาษีย้อนหลังได้ เพราะศาลภาษีอากรกลางได้ยกคำฟ้อง
ทั้งนี้ ศาลฯ ชี้ว่าการเข้าซื้อหุ้นชินคอร์ปของนายพานทองแท้และนางสาวพิณทองทา บุตรชายและบุตรสาวของนายทักษิณ เป็นเพียงแค่ผู้ถือหุ้นแทน จึงไม่สามารถเรียกเก็บภาษีจากบุคคลทั้งสองได้ อีกทั้งธุรกรรมดังกล่าวไม่มีการซื้อขายเกิดขึ้น จึงไม่มีเงินได้ที่ต้องจ่ายภาระภาษี เพราะหุ้นเป็นของนายทักษิณ และคุณหญิงพจมานมาตั้งแต่ต้น
ส่วนหลังจากนั้นการขายหุ้นชินคอร์ปต่อ บริษัท เทมาเส็ก โฮลดิ้งส์ (พีทีอี) จำกัด เป็นการซื้อขายผ่านตลาดหลักทรัพย์ จึงไม่มีภาระภาษี ซึ่งเป็นไปตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 126 ข้อ 2 (23) ที่บังคับใช้กับทุกคนไม่มีข้อยกเว้น และเงินจากการขายหุ้นชินคอร์ป จำนวน 46,000 ล้านบาท ถูกยึดให้ตกเป็นของแผ่นดินไปแล้วตั้งแต่เมื่อ 8 ปีก่อน
นายนพดล กล่าวอีกว่า การจะใช้อภินิหารทางกฎหมายเพราะเจอช่องทางที่สมควรจะเสี่ยงน่าจะเป็นไปไม่ได้ ประกอบกับ ยังมีความเห็นข้อกฎหมายที่ยังขัดแย้งกันอยู่ จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลและกรมสรรพากรพิจารณาอย่างรอบคอบตามหลักนิติธรรม ซึ่งหากยังคงมีการยื่นใบประเมินภาษีดังกล่าวอีก ก็เชื่อว่านายทักษิณจะตั้งทีมทนายเพื่อสู้คดี แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะฟ้องกลับกรมสรรพากรหรือไม่
"ส่วนตัวศึกษากฎหมายมาก็เพิ่งเคยได้ยินคำว่าอภินิหารทางกฎหมายครั้งแรก แต่ที่ได้ยินมานานและเห็นว่าสิ่งที่นักกฏหมายต้องปฏิบัติตามคือหลักนิติธรรม ผมเห็นว่าในยามที่เราต้องการสร้างความปรองดอง หลักนิติธรรมจะนำเราไปสู่ความปรองดองแน่นอน ไม่ต้องเสี่ยง...ขอเรียกร้องให้รัฐบาลและเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรพิจารณาเรื่องนี้ให้รอบคอบและบังคับใช้กฎหมายตามหลักนิติธรรม เท่าเทียม และเสมอภาค" นายนพดล กล่าว