เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 23/2560 เรื่องมาตรการแก้ไขปัญหาความต่อเนื่องของผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ โดยมีเนื้อหาสรุปว่า ตามที่ได้มีคำสั่งหัวหน้า คสช.ให้งดเว้นการสรรหาและเลือกบุคคลเพื่อดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กรรมการการเลือกตั้ง ผู้ตรวจการแผ่นดิน กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เพื่อรอความชัดเจนเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งปัจจุบันรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อยู่ระหว่างรอการประกาศใช้ แต่การจัดทำกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญเพื่อกำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญยังคงต้องใช้ระยะเวลาดำเนินการอีกระยะหนึ่ง เนื่องจากผู้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญบางรายใกล้จะพ้นวาระ อีกทั้งผลของประกาศ คสช.ก่อนหน้านี้จะทำให้คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน และผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ต้องพ้นจากตำแหน่งในระยะเวลาอันใกล้นี้ ถ้าไม่มีการเตรียมการและสรรหาไว้ล่วงหน้าอาจส่งผลกระทบกลไกการตรวจสอบถ่วงดุลการใช้อำนาจจำเป็นต้องกำหนดมาตรการและกลไกรองรับการทำหน้าที่ และการสรรหาบุคคลเพื่อดำรงตำแหน่งสำคัญในช่วงเปลี่ยนผ่าน อาศัยอำนาจมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว หัวหน้า คสช.โดยความเห็นชอบของ คสช.จึงมีคำสั่งดังต่อไปนี้
กรณีผู้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญก่อนมีคำสั่งพ้นจากตำแหน่งหรือจะพ้นจากตำแหน่งตามวาระใน 180 วัน นับแต่วันที่คำสั่งนี้มีผล ให้ดำเนินการคัดเลือกผู้ดำรงตำแหน่งแทนภายใน 60 วันนับแต่วันที่ตำแหน่งว่างลง หรือวันที่คำสั่งนี้มีผลใช้บังคับ กรณีผู้พ้นจากตำแหน่งต้องได้รับการคัดเลือกจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา หรือที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 45 วันนับแต่วันที่ตำแหน่งว่าง กรณีผู้พ้นจากตำแหน่งเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ทรงคุณวุฒิสาขานิติศาสตร์ สาขารัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ หรือสังคมศาสตร์อื่น ให้ดำเนินการคัดเลือกบุคคลเพื่อดำรงตำแหน่งแทนภายใน 45 วัน โดยให้มีคณะกรรมการสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญผู้ทรงคุณวุฒิ ประกอบด้วย ประธานศาลฎีกา ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ประธานศาลปกครองสูงสุด บุคคลซึ่งองค์กรอิสระแต่งตั้งองค์กรละหนึ่งคน
เมื่อดำเนินการคัดเลือกแล้วเสร็จให้เสนอรายชื่อไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ให้ความเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบใน 15 วัน กรณีที่ได้รับความเห็นชอบต้องได้รับคะแนนเสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง เมื่อมีผู้ได้รับความเห็นชอบรวมกับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่มีอยู่ไม่น้อยกว่าเจ็ดคน ให้ประชุมร่วมกันเพื่อเลือกประธานศาลรัฐธรรมนูญ แล้วแจ้งผลให้ประธาน สนช.ทราบ เพื่อนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงแต่งตั้งประธานศาลรัฐธรรมนูญ และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ กรณีที่ทรงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งแล้ว แต่ยังมีผู้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญไม่ครบตามจำนวนที่กำหนด ให้ถือว่าศาลรัฐธรรมนูญ ประกอบด้วย ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเท่าที่มีอยู่ และให้ดำเนินการตามหน้าที่ไปพลางก่อน และให้ดำเนินการคัดเลือกหรือสรรหาให้ครบถ้วนต่อไป และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญซึ่งได้รับแต่งตั้งตามคำสั่งนี้ให้มีวาระ 7 ปี นับแต่วันที่พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้ง และให้ดำรงตำแหน่งได้เพียงวาระเดียว
กรณีที่ผู้ดำรงตำแหน่งกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) ที่ดำรงตำแหน่งก่อนคำสั่งนี้มีผลหรือจะพ้นจากตำแหน่งตามวาระภายใน 180 วันนับแต่วันที่คำสั่งนี้มีผล ให้ดำเนินการคัดเลือกหรือสรรหาทดแทนภายใน 60 วันนับแต่วันที่ตำแหน่งดังกล่าวว่างลง กรรมการตรวจเงินแผ่นดินซึ่งได้รับแต่งตั้งตามคำสั่งนี้ให้มีวาระ 7 ปี นับแต่วันที่พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้ง และให้ดำรงตำแหน่งได้วาระเดียว
ในระหว่างที่ยังไม่มีการแต่งตั้งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญหรือกรรมการตรวจเงินแผ่นดินตามที่กำหนดในคำสั่งนี้ ให้ผู้พ้นจากตำแหน่งตามวาระอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมีการแต่งตั้ง และให้มีผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งตามคำแนะนำของ สนช. โดยได้รับการเสนอชื่อจากคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน โดยผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินต้องได้รับความเห็นชอบจาก สนช. ด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง
เมื่อ สนช.ให้ความเห็นชอบแล้ว ให้ประธาน สนช.นำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงแต่งตั้ง และให้ประธาน สนช.เป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ การพ้นจากตำแหน่งของผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินตามคำสั่งนี้ให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ.2542 ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินซึ่งได้รับแต่งตั้งตามคำสั่งนี้ให้มีวาระการดำรงตำแหน่ง 6 ปี นับแต่วันที่พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้ง และให้ดำรงตำแหน่งได้เพียงวาระเดียว ให้ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินที่ดำรงตำแหน่งก่อนคำสั่งนี้มีผลใช้บังคับอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะครบวาระตามที่กำหนดไว้ในประกาศ คสช.ที่ 71/2557