พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวก่อนเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงความชัดเจนกรณีที่ครม.อนุมัติโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำจากสาธารณรัฐประชาชนจีนว่า ครม.ได้อนุมัติจัดซื้อเรือดำน้ำจากประเทศจีนจำนวน 3 ลำ ตามแผนยุทธศาสตร์ของกองทัพเรือ โดยเป็นการจัดซื้อแบบรัฐต่อรัฐ (G to G) ไม่ใช่การสัญญาแลกเปลี่ยนสินค้า (Barter Trade) มูลค่า 3.6 หมื่นล้านบาท เป็นเวลา 11 ปี โดยเรือดำน้ำลำแรกมีมูลค่า 1.35 หมื่นล้านบาท จะสามารถส่งมอบได้ในเวลา 5-6 ปี
อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า จำไม่ได้ว่าเรื่องนี้ผ่านความเห็นชอบจากครม.ในวันที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมาหรือไม่ เพราะผ่านไปนานแล้ว
"เรื่องนี้โปร่งใส ทั้ง ครม.รู้หมด มันเป็นความลับทางยุทธศาสตร์ แต่ถึงเวลาก็รู้เอง กองทัพเรือใช้เวลาเตรียมการสร้างการรับรู้มา 9 ปีกว่าจะอนุมัติ" พล.อ.ประวิตร กล่าว
พร้อมระบุว่า ที่ผ่านมากองทัพเรือมีการจัดเตรียมกำลังพลไว้รองรับหมดแล้วแต่ไม่มีเรือ ครม.ก็สนับสนุน เพราะเห็นว่ามีความจำเป็นในการปฏิบัติภารกิจปกป้องดูแลทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล 200 ไมล์ทะเล ซึ่งประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนที่มีอาณาเขตติดทะเลต่างมีกันหมดแล้ว ทั้งมาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม
"การอนุมัติจัดซื้อครั้งนี้ผู้มีความจำเป็นอย่างแน่นอน เพราะในประเทศอาเซียนหลายประเทศไม่ว่าจะเป็นมาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย เวียดนาม ทุกประเทศมีทั้งหมดแล้ว โดยเฉพาะเวียดนามมีถึง 12 ลำ ประเทศที่อยู่ใกล้ทะเลทั้งหมดมีการเตรียมการจัดซื้อจัดหาเรือดำน้ำ เพราะมีความจำเป็นจะต้องรักษาทรัพยากรธรรมชาติในระยะทาง 200 ไมล์ทะเล ซึ่งประเทศไทยก็จำเป็นต้องมี กองทัพเรือจึงมีการวางแผนยุทธศาสตร์รักษาทรัพยากรทางทะเลไว้ และเรือที่จัดซื้อครั้งนี้ไม่ได้แพงกว่าเรือฟริเกต" พล.อ.ประวิตร กล่าว
ส่วนที่เลือกซื้อเรือดำน้ำจากจีนนั้น เพราะราคาถูกสุดเมื่อเทียบกับ 9 ประเทศที่เสนอมา เพราะให้ยุทโธปกรณ์ที่จำเป็นมาครบถ้วน
ส่วนการใช้งบประมาณในการจัดซื้อนั้นทางกองทัพเรือจะดำเนินการร่วมกับสำนักงบประมาณ เพราะงบประมาณของกองทัพเรือโดยเฉพาะไม่ใช่งบกลาง และเป็นการใช้งบประมาณต่อเนื่องในแผนพัฒนากองทัพเรือ ซึ่งแต่ละกองทัพก็มีแผนพัฒนาของแต่ละกองทัพอยู่แล้ว
รองนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า รัฐบาลดำเนินการไปตามแผนยุทธศาสตร์ของกองทัพเรือ ส่วนรัฐบาลหน้าจะอนุมัติให้ซื้อเรือดำน้ำลำที่ 2 และ 3 ต่อหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ
"ทำแผนไว้เช่นนี้ถ้าไม่อนุมัติก็ไม่อนุมัติ ถ้ามองไม่เห็นถึงความจำเป็น แต่กองทัพเรือเขาต้องเสนอแน่นอนไม่เช่นนั้นเขาก็ต้องเอางบไปทำและสร้างอย่างอื่นแทน ซึ่งจากนี้ขอให้เลิกพูดถึงเรื่องเรือดำน้ำเสียที ไปดำอย่างอื่นแทน"
นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร ยังปฏิเสธกระแสข่าวการปรับ ครม.ว่าไม่เป็นความจริง แต่คนเขียนข่าวคิดไปเอง โดยไม่ต้องรับผิดชอบอะไรหากเป็นเรื่องไม่จริง
"คนเขียนนั่งอยู่ข้างใน เขียนอะไรก็ไม่ต้องรับผิดชอบ ถ้าไม่จริงแล้วให้ทำยังไง...ผมไม่น้อยใจ อายุ 72 แล้วพร้อมออก คนอายุขนาดนี้ ไม่มีใครเสียสละมาทำงานแบบนี้หรอก" พล.อ.ประวิตร กล่าว