พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนักการเมืองจากพรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทยบางคนออกมาวิจารณ์ผลงานรัฐบาลในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาถือว่าสอบไม่ผ่าน และยังมีปัญหาอีกหลายเรื่องที่ยังดำเนินการไม่สำเร็จนั้น ถือเป็นสิทธิ์ของแต่ละบุคคลที่จะวิพากษ์วิจารณ์ รัฐบาลคงไม่สามารถไปบังคับได้ ส่วนการให้คะแนนก็เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของนักการเมือง แต่เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ในประเทศนี้ทราบดีว่า อะไรคือปัญหาและอุปสรรค และความมุ่งมั่นตั้งใจของรัฐบาลเป็นอย่างไร
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลเดินหน้าทำงานตาม Roadmap ที่ได้ประกาศไว้ คือ การหยุดยั้งความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในปี 2557 และการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่รัฐบาลในขณะนั้นไม่สามารถดำเนินการได้ โดยรัฐบาลได้มีการวางกฎกติกาของบ้านเมือง เช่น กฎหมายรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.บ.หลายฉบับ ที่จะช่วยขจัดปัญหาเรื้อรังในทุกด้าน เพื่อส่งต่อให้กับรัฐบาลชุดต่อไปภายหลังการเลือกตั้ง ทั้งการปราบปรามการทุจริตทั้งในระดับชาติและระดับท้องถิ่น การแก้ไขปัญหาการบินพลเรือนและประมงผิดกฎหมาย การปราบปรามการค้ามนุษย์ การแก้ปัญหาหนี้นอกระบบและส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของผู้ประกอบการในระดับต่าง ๆ โดยเฉพาะ SMEs และกลุ่ม Start up การส่งเสริมเกษตรแปลงใหญ่ การลดความเหลื่อมล้ำในสังคม เช่น โครงการลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อย โครงการบ้านประชารัฐ การจัดสรรที่ดินทำดิน การเก็บภาษีที่ดินและมรดก ฯลฯ ซึ่งรัฐบาลปกติทำได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย เพราะคำนึงถึงแต่ฐานเสียงของตนและติดกับดักของความขัดแย้ง
ส่วนเรื่องเศรษฐกิจที่ประชาชนยังอาจรู้สึกว่าไม่พอใจมากนัก ทั้งๆ ที่ผลการประเมินหลายด้านของต่างประเทศดีขึ้นตามลำดับ เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงก่อนปี 2557 ที่มีการอุดหนุนจากภาครัฐมากเกินไปจนเกิดความต้องการเทียม เช่น โครงการรับจำนำข้าว รถคันแรก บ้านหลังแรก ทำให้ผู้ผลิตประสบปัญหาจากราคาที่ไม่สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง และยังเป็นช่องทางของการทุจริตสร้างความเสียหายอย่างมหาศาล แต่จากนี้ไปทุกอย่างจะดีขึ้นเพราะรัฐบาลให้ความสำคัญกับกลไกตลาด และการใช้ศักยภาพของผู้ผลิตที่สอดคล้องกับความเป็นจริง
ทั้งนี้ รัฐบาลขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนติดตามการแถลงผลงาน 3 ปีของรัฐบาล ในห้วงประมาณเดือนมิถุนายน- กรกฎาคมนี้ เพื่อให้เห็นว่ารัฐบาลทำอะไรไปแล้วบ้าง เนื่องจากที่ผ่านมาอาจมีการบิดเบือนข้อมูลโดยผู้ไม่หวังดี และข่าวสารต่าง ๆ ที่ถูกต้อง อาจไปไม่ถึงประชาชน เพราะคนส่วนใหญ่มีพฤติกรรมการรับรู้ข่าวสารผ่านสื่อสมัยใหม่ โดยเฉพาะโซเชียลมีเดียที่อาจมีทั้งข้อมูลจริงบ้าง ไม่จริงบ้าง
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนประเด็นเรื่องการรวบอำนาจนั้น ผู้ที่วิจารณ์คงไม่เข้าใจเจตนาที่แท้จริง โดยยืนยันว่า รัฐบาลไม่ได้ขัดข้องกับการกระจายอำนาจและคิดว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่บางอย่างต้องย้อนกลับไปดูว่าที่ผ่านมามีปัญหาอย่างไร เช่น การจัดการศึกษาในพื้นที่ ซึ่งมีช่องโหว่ให้เกิดการทุจริตในระดับปฏิบัติ และการบริหารงานขาดเอกภาพ ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการให้บริการประชาชน จึงอยากให้คำนึงถึงความเป็นจริงด้วย
"ขอเรียนย้ำว่าเป้าหมายของรัฐบาลคือการยุติความขัดแย้งและวางรากฐานการปฏิรูปประเทศ สร้างความปรองดองในอนาคต ซึ่งบางเรื่องได้เริ่มดำเนินการแล้ว ดังนั้นหากนักการเมืองและพรรคการเมืองมีความตั้งใจจริงที่จะเดินไปสู่เป้าหมายนี้ก็จะต้องพิสูจน์ให้ประชาชนเห็นว่าตนทำได้จริง และไม่สร้างปัญหาให้กับประเทศเหมือนเช่นที่ผ่านมา" พล.ท.สรรเสริญ กล่าว