พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ฮิวแมนไรท์วอทซ์เสนอให้องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ประกาศให้กลุ่มแนวร่วมปฎิวัติแห่งชาติมลายู (บีอาร์เอ็น) เป็นองค์กรก่อการร้ายเพื่อให้นานาประเทศได้เข้ามาเพิ่มแรงกดดันว่า รัฐบาลได้บังคับใช้ตามกฎหมายที่มีอยู่ ในส่วนของการกระทำความผิดเพื่อป้องกันความรุนแรง
แต่การจะให้องค์กรต่างๆ เข้ามายุ่งเกี่ยวกับปัญหาภายในประเทศเป็นเรื่องไม่สมควร เพราะต่างประเทศอาจเข้าใจปัญหาของไทยไม่เพียงพอ และอาจจะมีปัญหาตามมาได้ ที่สำคัญกรณีสามจังหวัดชายแดนภาคใต้มีหลายอย่างที่ซับซ้อน ไม่ใช่เฉพาะการก่อเหตุความรุนแรง แต่ยังมีเรื่องผลประโยชน์ทางธุรกิจ ยาเสพติด ตลอดจนสินค้าหนีภาษี เพราะเมื่อในพื้นที่วุ่นวาย กลุ่มเหล่านี้ก็ยังออกมาเคลื่อนไหวได้
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลได้เพิ่มความเข้มงวดในการดูแลความปลอดภัย และประชาชนในพื้นที่เข้าใจในปัญหาและพร้อมให้ความร่วมมือกับภาครัฐมากขึ้น แต่หากมีการให้เครดิตแก่ผู้ก่อเหตุมากขึ้นก็จะเพิ่มแรงกดดันแก่ฝ่ายรัฐ เพราะองค์กรที่ก่อเหตุและเอ่ยชื่อมานั้นมีอยู่แล้ว เพียงแต่รัฐบาลไม่ต้องการยกระดับ เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และแนวทางการแก้ไขปัญหาของประเทศในอาเซียนคือ จะไม่ก้าวก่ายซึ่งกันและกัน แต่พร้อมจะให้การสนับสนุน เช่นที่มาเลเซียให้การสนับสนุนการพูดคุยสันติสุข
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สิ่งสำคัญในการแก้ไขปัญหาคือแนวทางการพัฒนา โดยจะส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วม เพื่อให้เกิดความรักและปกป้องพื้นที่ของตัวเอง ซึ่งวันนี้ประชาชนในพื้นที่ต่างไม่เชื่อคำบิดเบือน แต่ยังมีความหวาดกลัว ดังนั้นมาตรการทางทหารและกฎหมายจึงต้องใช้อย่างระมัดระวัง
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีไม่อยากให้นักวิชาการนำเสนอมุมมองของปัญหาเพียงแค่ด้านเดียว เพราะการนำต่างชาติเข้ามาเกี่ยวข้องกับกิจการภายในประเทศจะทำให้แก้ไขปัญหาไม่จบสิ้น