นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า จากการที่ได้มอบหมายให้นายวิจักร วิเศษน้อย ที่ปรึกษาฯ ลงพื้นที่เพาะปลูกข้าวในเขตภาคอีสาน 3 จังหวัด ประกอบด้วย อุบลราชธานี ร้อยเอ็ด และยโสธร เพื่อหารือเรื่องมาตรการข้าวร่วมกับเกษตรกรในพื้นที่และพื้นที่ข้างเคียง ได้แก่ จังหวัดศรีสะเกษ ยโสธร บุรีรัมย์ สุรินทร์ กาฬสินธ์ มหาสารคาม รวมทั้งตัวแทนผู้ส่งออกและตัวแทนโรงสี โดยมีสัญญาณเชิงบวกต่อมาตรการข้าวที่รัฐบาลนำมาใช้ในช่วงที่ผ่านมา
"การหารือกับเกษตรกรในครั้งนี้พบว่ามีสัญญาณเชิงบวกกับมาตรการที่รัฐบาลนำมาใช้ และไม่ได้ต้องการเรียกร้องในเรื่องของราคาข้าวที่เป็นการบิดเบือนกลไกตลาด" นางอภิรดี กล่าว
โดยมาตรการที่เกษตรกรมีความพึงพอใจ ได้แก่ การช่วยเหลือต้นทุนการผลิตและค่าเก็บเกี่ยว โครงการชะลอการจำหน่ายข้าวในยุ้งฉาง ซึ่งเกษตรกรมีความเห็นว่าควรเร่งประกาศราคาสินเชื่อและค่าฝากเก็บก่อนผลผลิตออก ส่วนเรื่องยุ้งฉางที่มีอยู่อย่างจำกัดนั้นควรให้เกษตรกรสามารถนำข้าวไปร่วมโครงการได้โดยฝากเก็บไว้กับโรงสีหรือกลุ่มเกษตรกรที่มีศักยภาพ
รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้ยังพบอีกว่าความต้องการของเกษตรกรที่แท้จริงไม่ใช่การจำนำข้าว หรือการนำเงินไปให้ แต่แท้จริงแล้วเกษตรกรต้องการความยั่งยืนจากจากทำอาชีพเกษตรกรรมมากกว่า โดยเกษตรกรมีข้อเรียกร้องขอให้รัฐช่วยในเรื่องเครื่องจักรกลทางการเกษตร และการลดต้นทุนการผันน้ำโดยใช้แผงโซลาเซลล์แทนการใช้น้ำมันหรือไฟฟ้า นอกจากนี้เกษตรกรยังไม่มีแผนในการบริหารจัดการเครื่องจักรกลจึงได้มอบให้ ธกส.ช่วยจัดทำแผนธุรกิจให้
ส่วนเรื่องน้ำซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับการเพาะปลูก เกษตรกรอยากให้รัฐบาลช่วยเหลือในเรื่องของการสำรวจแหล่งน้ำเพื่อให้เพียงพอต่อการใช้ในแต่ละพื้นที่ รวมทั้งช่วยเรื่องช่องทางการจำหน่ายตรงให้แก่ผู้บริโภค ขณะเดียวกันผลกระทบจากโครงการจำนำข้าวทำให้เกษตรกรไม่มีแรงจูงใจจึงขาดการพัฒนาด้านการผลิตจึงเห็นว่าควรให้มีการส่งเสริมให้พัฒนาตั้งแต่การผลิตจนกระทั่งการเก็บเกี่ยว ทั้งนี้ในครั้งหน้าจะมีการลงพื้นที่ในภาคเหนือและภาคกลางตอนบน ได้แก่ เชียงราย แพร่ พิษณุโลก