พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจ เปิดเผยว่า การประชุมนัดแรกเมื่อวันที่ 12 ก.ค.เป็นการวางแนวทางการทำงานของคณะกรรมการฯ โดยให้กรรมการแต่ละคนเลือกอยู่ในคณะอนุกรรมการฯ ได้คนละ 2 คณะตามความสมัครใจ และอาจจะมีบุคคลภายนอกมาร่วมเป็นอนุกรรมการด้วย
นอกจากนี้ การรับฟังความคิดเห็นของประชาชนถือเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งทางคณะกรรมการฯ จะเปิดให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนเป็นเวลานานที่สุด โดยจะเปิดรับฟังความคิดเห็นตลอดทั้ง 9 เดือนของการทำงาน หรือจนถึงประมาณเดือน เมษายน 2561 ซึ่งคณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนจะเป็นผู้กำหนดรูปแบบวิธีการรับฟังความคิดเห็น อาทิ การแสดงความคิดเห็นผ่านทางเว็บไซต์หรือผ่านทางไปรษณีย์
โดยตั้งแต่วันที่ 14 ก.ค.จะเป็นการหาข้อมูลเกี่ยวกับภารกิจ ความเป็นอยู่ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยจะนำผลการศึกษาที่คณะกรรมการหลายชุดเคยทำมาใช้ประกอบการพิจารณาด้วย ซึ่งเชื่อว่าจะไม่สูญเปล่า
พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่ได้กำชับเรื่องใดเป็นพิเศษ เพียงแต่อยากให้การดำเนินการปฏิรูปตำรวจทันตามกรอบเวลาที่กำหนด ซึ่งการปฏิรูปมีบางเรื่องที่สามารถทำได้ทันที และบางเรื่องก็ต้องใช้เวลา ทั้งนี้เชื่อว่าในอนาคตการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจจะดีขึ้น
ด้านนายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (วิป สปท.) กล่าวว่า ในวันที่ 18 ก.ค. สปท.จะพิจารณารายงานการปฏิรูปของ กมธ.ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม เรื่องระบบงบประมาณตำรวจ โดย กมธ.ด้านกฎหมายฯ มีข้อเสนอการปฏิรูปตำรวจ 4 ข้อ ประกอบด้วย 1.เสนอให้ดำเนินการวิเคราะห์ทบทวนยุทธวิธีตำรวจ ระบบงานและการจัดกำลังใหม่ทั้งหมดกับทุกหน่วยงานตำรวจ 2.วิเคราะห์จำนวนกำลังพลที่ถูกต้องเหมาะสม 3.กำหนดเกณฑ์การวิเคราะห์ การใช้เครื่องมือ และการใช้งบประมาณให้เหมาะสมกับตำรวจในแต่ละหน่วยงาน และ 4.จัดสรรงบประมาณค่าตอบแทนการสอบสวนคดีอาญาให้ครบถ้วนตามคดีที่เกิดขึ้นจริง และปรับค่าตอบแทน เงินเดือนให้เหมาะสมกับความเหน็ดเหนื่อยและความเสี่ยงของเจ้าหน้าที่ตำรวจในแต่ละหน่วยงาน