ผู้ตรวจการแผ่นดินไม่รับพิจารณาคำร้องกรณีกระบวนการตรา พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และ พ.ศ.2550 ว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ตามที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย ได้ยื่นร้องเรียนไว้เมื่อวันที่ 11 ก.ค.60 เนื่องจากเห็นว่าไม่ได้อยู่ในหน้าที่และอำนาจของผู้ตรวจการแผ่นดินที่จะพิจารณาเสนอเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยถึงกระบวนการตรากฎหมาย
"เมื่อคำร้องเรียนระบุว่าพระราชบัญญัติดังกล่าวมีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ เหตุเพราะสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติเข้าประชุมไม่ครบองค์ประชุม เมื่อคราวประชุมวันที่ 14 มีนาคม 2550 วาระที่ 3 ขั้นลงมติ อันเป็นผลให้พระราชบัญญัติฉบับนี้ตกไป เรื่องดังกล่าวเป็นการขอให้วินิจฉัยถึงกระบวนการตราพระราชบัญญัติว่าเป็นการตราขึ้นโดยถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญขณะนั้นหรือไม่ จึงเป็นคำร้องที่ไม่อยู่ในหน้าที่และอำนาจของผู้ตรวจการแผ่นดินที่จะพิจารณาเสนอเรื่องพร้อมด้วยความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยได้ ดังนั้นผู้ตรวจการแผ่นดินจึงวินิจฉัยไม่รับคำร้องเรียนของผู้ร้องเรียนไว้พิจารณา" นายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการและโฆษกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน กล่าว
ทั้งนี้ ผู้ตรวจการแผ่นดินได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและวินิจฉัยร่วมกันแล้ว เห็นว่า บทบัญญัติตามมาตรา 231 (1) ของรัฐธรรมนูยแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ที่ให้ผู้ตรวจการแผ่นดินมีหน้าที่และอำนาจเสนอเรื่องพร้อมด้วยความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัยว่าบทบัญญัติแห่งกฎหมายใดมีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่นั้น ต้องเป็นเรื่องที่มีปัญหาเกี่ยวกับบทบัญญัติหรือเนื้อหาแห่งกฎหมาย ซึ่งเป็นหลักการตรวจสอบภายหลังประกาสใช้เป็นกฎหมายแล้วเท่านั้น มิได้ให้ผู้ตรวจการแผ่นดินมีหน้าที่และอำนาจเสนอเรื่องพร้อมด้วยความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยถึงกระบวนการตรากฎหมาย ซึ่งเป็นหลักการตรวจสอบก่อนประกาศใช้เป็นกฎหมาย