นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปรามปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.วันนี้มีมติว่า นายเกษม นิมมลรัตน์ อดีตรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงใหม่ และเลขานุการนายก อบจ.เชียงใหม่ มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติภายหลังพ้นจากตำแหน่งรองนายก อบจ.เชียงใหม่ และให้รายงานผลการตรวจสอบไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ทั้งนี้ ป.ป.ช.ได้พิจารณารายงานผลการตรวจสอบความถูกต้องและความมีอยู่จริง รวมทั้งความเปลี่ยนแปลงของทรัพย์สินและหนี้สินของนายเกษม พบว่านายเกษมมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ ตามมาตรา 38 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 กรณีพ้นจากตำแหน่งรองนายก อบจ.เชียงใหม่ รวมมูลค่า 21,140,746.50 บาท ตามรายการดังต่อไปนี้
1.ที่ดินในชื่อของนายเกษม นิมมลรัตน์ จำนวน 2 แปลง มูลค่าขณะได้มา 11,865,000 บาท ได้แก่
1.1 ที่ดินโฉนดเลขที่ 11777 ตำบลริมใต้ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เนื้อที่ 3 งาน 96.4 ตารางวา
1.2 ที่ดินโฉนดเลขที่ 11783 ตำบลริมใต้ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เนื้อที่ 3 งาน 95 ตารางวา
2.เงินลงทุนในการซื้อหุ้น บมจ.แอสคอน คอนสตรัคชั่น (ASCON) ที่อยู่ในชื่อของนางดวงสุดา นิมมลรัตน์ (คู่สมรส) จำนวน 61,838,310 หุ้น มูลค่าขณะได้มาหุ้นละ 0.15 บาท คิดเป็นมูลค่ารวม 9,275,746.50 บาท
ทั้งนี้ ป.ป.ช.ให้ส่งเอกสารทั้งหมดและรายงานผลการตรวจสอบไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อให้ทรัพย์สินของนายเกษมและนางดวงสุดา นิมมลรัตน์ (คู่สมรส) ที่เพิ่มขึ้นผิดปกติตกเป็นของแผ่นดิน ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 38 วรรคสองต่อไป
ก่อนหน้านี้ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้มีคำพิพากษาให้ทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นผิดปกติของนายเกษม เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายก อบจ.เชียงใหม่ และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร รวมมูลค่า 168,453,245.70 บาท ตกเป็นของแผ่นดิน ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 4 มาตรา 38 และมาตรา 83 ตามที่ ป.ป.ช.ได้ส่งเรื่องให้พิจารณาคดีมาแล้ว
อนึ่ง นายเกษม เคยเป็นประธานสาขาพรรคเพื่อไทย จังหวัดเชียงใหม่ และลงสมัครรับเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ในปี 55 โดยได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.สมัยแรก แต่ต่อมาในเดือน มี.ค.56 ได้ลาออกจาก ส.ส.