รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีกำหนดเดินทางไปประชุม ครม.นอกสถานที่อย่างเป็นทางการ (ครม.สัญจร) ณ จังหวัดนครราชสีมา ระหว่างวันที่ 21-22 ส.ค.60
โดยช่วงเช้าวันที่ 21 ส.ค.60 นายกรัฐมนตรีและคณะจะเดินทางออกจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปยังจังหวัดนครราชสีมา เมื่อเดินทางไปถึงนายกรัฐมนตรีจะไปสักการะอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารีและเดินทางต่อไปยังศาลาอเนกประสงค์สวนสาธารณะเทศบาลตำบลหัวทะเล ต.หัวทะเล อ.เมือง จ.นครราชสีมา เพื่อพบปะกับประชาชนในจังหวัดนครราชสีมา และตอบข้อซักถามจากประชาชนในพื้นที่ พร้อมทั้งมอบเอกสารที่ดินทำกินตามโครงการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
จากนั้นนายกรัฐมนตรีจะร่วมรับประทานอาหารกลางวัน (Working Lunch) กับผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้แทนภาคเอกชน และผู้บริหารท้องถิ่น ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ณ หอประชุมเปรมติณสูลานนท์ ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา
ในช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรีและคณะออกเดินทางไปยังบึงกระโตน อ.ประทาย จ.นครราชสีมา เพื่อตรวจเยี่ยมการดำเนินการสร้างพื้นที่กักเก็บน้ำแบบแก้มลิง เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและน้ำแล้งซ้ำซากของพื้นที่อำเภอประทายและพื้นที่ใกล้เคียง หลังจากนั้นนายกรัฐมนตรีและคณะจะเดินทางไปยังบ้านหนองขี้เหล็ก ต.วังหิน อ.โนนแดง จ.นครราชสีมา เพื่อตรวจเยี่ยมและติดตามการดำเนินโครงการภายใต้แผนพัฒนาชนบทเชิงพื้นที่ประยุกต์ตามพระราชดำริ และโครงการตามนโยบายสำคัญของรัฐบาล พร้อมพบปะพูดคุยกับชาวบ้านโนนแดง ณ หอประชุมเทศบาลตำบลวังหิน อ.โนนแดง จ.นครราชสีมา
สำหรับภารกิจในวันที่ 22 ส.ค.60 ช่วงเช้านายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่อย่างเป็นทางการ ณ ห้องสุรนารี อาคารสุรสัมมนาคาร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี หลังเสร็จสิ้นการประชุมฯ นายกรัฐมนตรีจะแถลงผลการประชุมฯ แล้วเดินทางกลับกรุงเทพฯ พร้อมคณะถึงท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ในเวลา 14.30 น.
โดยวาระการประชุมครั้งนี้จะมีการพิจารณาและขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อให้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง โดยมียุทธศาสตร์การพัฒนาสำคัญ คือ
1.การบริหารจัดการน้ำให้เพียงพอต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน โดยพัฒนาแหล่งน้ำเดิมและแหล่งน้ำธรรมชาติเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการกักเก็บ สร้างแหล่งกักเก็บ (แก้มลิง) อ่างเก็บน้ำ ฝาย พัฒนาระบบกระจายน้ำ และพัฒนาแหล่งน้ำใหม่ในพื้นที่ลุ่มน้ำเลย ชี มูล
2.แก้ปัญหาความยากจนและพัฒนา คุณภาพชีวิตผู้มีรายได้น้อยเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม โดยพัฒนาอาชีพและคุณภาพชีวิตคนยากจน ดูแลผู้สูงอายุ แก้ปัญหาโรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี พัฒนาโภชนาการแม่และเด็ก
3.สร้างความเข้มแข็งของฐานเศรษฐกิจภายในควบคู่กับการแก้ไขปัญหาด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเพิ่มศักยภาพการผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์และอาหารปลอดภัย พัฒนาอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปไปสู่ผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มสูง พัฒนาการท่องเที่ยวทั้งธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม พัฒนาสินค้า OTOP และวิสาหกิจชุมชน
4.ใช้โอกาสจากการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมขนส่งที่เชื่อมโยง กทม. และพื้นที่ EEC เพื่อพัฒนาเมืองและพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ๆ ของภาค
5.พัฒนาความร่วมมือและใช้ประโยชน์จากข้อตกลงกับประเทศเพื่อนบ้านในการสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจตามแนวชายแดน (มุกดาหาร หนองคาย นครพนม) และแนวระเบียงเศรษฐกิจ EWEC (ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร) เหนือ-ใต้ (ระยอง นครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี หนองคาย)
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีและ ครม.จะได้ติดตามการขับเคลื่อนโครงการสำคัญของรัฐบาลในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา รวมทั้งแผนงานที่รัฐบาลจะดำเนินการในระยะต่อไป