ซูเปอร์โพล เผย ปชช.ส่วนใหญ่มองการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศต้องเป็นประชาธิปไตยและไม่มีการโกงกิน

นายปราโมทย์ พันธ์สะอาด รองประธานชมรมขับเคลื่อนวิชาการเพื่อวิจัยความสุขชุมชน สำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เปิดเผยผลสำรวจเรื่อง ทัศนคติของประชาชนต่อประเด็นสำคัญทางการเมือง กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพ จำนวนทั้งสิ้น 762 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 11-18 สิงหาคม พ.ศ. 2560 ที่ผ่านมา

เมื่อถามถึงเงื่อนไขของการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศกับประชาธิปไตยของไทย พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 67.2 ระบุ ประเทศเป็นประชาธิปไตยและไม่มีการโกงกิน รองลงมาคือ ร้อยละ 13.1 ระบุ ประเทศไม่จำเป็นต้องเป็นประชาธิปไตยแต่ต้องไม่มีการโกงกิน ร้อยละ 10.9 ระบุ เป็นประเทศประชาธิปไตยเท่านั้น ในขณะที่ ร้อยละ 4.4 ระบุ ประเทศเป็นประชาธิปไตยและมีการโกงกิน เศรษฐกิจจึงจะดี และร้อยละ 0.7ระบุ ประเทศไม่จำเป็นต้องเป็นประชาธิปไตย ที่เหลือระบุอื่นๆ เช่น นักการเมืองมีความจริงใจและตั้งใจพัฒนาประเทศชาติ และ มีการเลือกตั้ง เป็นต้น

เมื่อสอบถามถึงการยอมรับรัฐบาลที่ทุจริตคอรัปชั่น ถ้าทุจริตแล้วมาแบ่งประชาชนด้วย พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 62.2 ระบุ ไม่ยอมรับโดยเด็ดขาด ในขณะที่ร้อยละ 37.8 กลับยอมรับได้ถ้ารัฐบาลทุจริตคอรัปชั่นแล้วมาแบ่งประชาชน

นอกจากนี้ เมื่อจำแนกตามกลุ่มจุดยืนทางการเมือง พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ทุกกลุ่มไม่ยอมรับรัฐบาลที่ทุจริตคอรัปชั่นโดยเด็ดขาด แต่เป็นที่น่าสังเกตว่ากลุ่มพลังเงียบ ที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด กลับเป็นกลุ่มที่มีสัดส่วนของคนที่ไม่ยอมรับโดยเด็ดขาดน้อยที่สุด คือร้อยละ 58.3 ในขณะที่ กลุ่มสนับสนุนรัฐบาลมีสัดส่วนของผู้ที่ไม่ยอมรับรัฐบาลทุจริตคอรัปชั่นมากที่สุดคือ ร้อยละ 65.5 และแม้แต่กลุ่มที่ไม่สนับสนุนรัฐบาลก็ยังไม่ยอมรับรัฐบาลทุจริตเช่นกันคือร้อยละ 63.3

ที่น่าสนใจคือ ค่าเฉลี่ยความสุขของประชาชนมีเพียง 3.19 คะแนน จากคะแนนเต็ม 10 เมื่อนึกถึงคุณภาพนักการเมืองปัจจุบัน