การประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ที่ จ.นครราชสีมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะเป็นประธาน โดยมีวาระที่น่าสนใจ ดังนี้ กระทรวงคมนาคม เตรียมเสนอให้ที่ประชุม ครม.พิจารณาอนุมัติการลงนามในสัญญาโครงการรถไฟไทย-จีน 2 สัญญา คือ สัญญาการคุมงานก่อสร้าง และสัญญาการออกแบบ เพื่อให้นายกรัฐมนตรีนำไปเจรจาลงนามกับผู้นำฝ่ายจีน ในโอกาสการประชุมกลุ่มประเทศ BRICS ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 4-5 ก.ย.60
พร้อมกันนี้ ที่ประชุม ครม.ยังเตรียมพิจารณาอนุมัติงบประมาณ 2,500 ล้านบาท แก้ไขแบบก่อสร้างรถไฟทางคู่ เพื่อยกระดับเหนือพื้นดิน ช่วงผ่านตัวเมืองนครราชสีมา ระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร ตลอดจนแผนก่อสร้างวงแหวนรอบนอกเมืองโคราช ระยะทาง 110 กิโลเมตร หลังจากได้ก่อสร้างตอนที่ 1 ไปแล้ว ซึ่งต้องการเร่งรัดตอนที่ 2,3 ตอนเหนือของโคราช และต้องศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) ให้แล้วเสร็จในปี 60
นอจากนี้ ครม.จะมีการพิจารณาสัญญาออกแบบงานโยธาการก่อสร้างรถไฟไทย-จีน ด้วยเงินลงทุน 1,700 ล้านบาท จากโครงการลงทุนทั้งหมด 1.79 แสนล้านบาท และกระทรวงคมนาคมเสนอของบฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานจากความเสียหายอุทกภัยจากงบกลาง 2,100 ล้านบาท และเวนคืนการก่อสร้างมอเตอร์เวย์บางปะอิน -นครราชสีมา วงเงิน 1,500 ล้านบาท และเปิด PPP เอกชนร่วมบริหารจัดเก็บค่าผ่านทางและซ่อมบำรุง
ด้านกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เตรียมเสนอให้ที่ประชุม ครม.พิจารณาอนุมัติงบประมาณ 2,600 ล้านบาท เพื่อแก้ปัญหาน้ำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อจะนำไปใช้ก่อสร้างแก้มลิง อ่างเก็บน้ำ และระบบการผันน้ำตามลุ่มน้ำต่างๆ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตามแผนบูรณาการเพื่อหาแนวทางแก้ไขอย่างยั่งยืน รวมถึงจะรับฟังปัญหาโดยตรงกับผู้ว่าราชการจังหวัด 20 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะประเด็นการหารือเรื่องการบริหารจัดการน้ำท่วม-น้ำแล้งทั้งระบบ
พร้อมกันนี้ ครม.เตรียมพิจารณาข้อเสนอผลประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) ภูมิภาคขับเคลื่อนเศรษฐกิจภาคอีสาน ผ่านโครงสร้างพื้นฐานในการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมขนส่งที่เชื่อมโยงนครราชสีมากับหลายจังหวัด และเชื่อมโยงพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC), การพิจารณาโครงการแผนผันน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์มายังเขื่อนลำตะคลอง ด้วยการยกระดับการสูบน้ำขึ้นสิ่งก่อสร้างความสูงเกือบร้อยเมตร และปล่อยระบบน้ำไหลตามแนวระบบส่งน้ำมายังเขื่อนลำตะคลอง เพื่อเพิ่มปริมาณน้ำนับล้านลูกบาศก์เมตร ด้วยวงเงินลงทุน 4,400 ล้านบาท และการศึกษาแหล่งน้ำแก้มลิงกักเก็บในภาคตะวันออกเฉียงเหนือหลายแห่งเพื่อกักเก็บน้ำใช้ทั้งภาคเกษตรและบริโภค
ด้านกระทรวงพาณิชย์ เตรียมเสนอแนวทางการดูแลและส่งเสริมการปลูกมันสำปะหลังแบบอินทรีย์ ลดการใช้สารเคมี เนื่องจากเกษตรกรในภาคอีสานนิยมปลูกมันสำปะหลังจำนวนมาก ซึ่งเมื่อส่งเสริมให้ชาวไร่ปลูกมันสำปะหลังแบบอินทรีย์ 4 ไร่ ขายให้กับภาคเอกชนทำรายได้กว่า 7 หมื่นบาท จึงเป็นแบบอย่างให้กับเกษตรกรรายอื่น ดังนั้นกระทรวงพาณิชย์จึงเร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหรกรณ์ในการดูแลตั้งแต่พันธุ์สำหรับเพาะปลูก จากนั้นกระทรวงพาณิชย์จะดูแลด้านตลาด เพื่อดูแลทุกด้านอย่างเป็นระบบครบวงจรการส่งเสริมคุณภาพมันสำปะหลังให้ได้ 2 ล้านไร่
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์จะยังผลักดันสินค้าเครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียนให้จดทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) เพื่อเตรียมเสนอให้ ครม.รับทราบ และจะให้มีความคืบหน้าภายใน 6 เดือน โดยปัจจุบันสินค้าของ จ.นครราชสีมา ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสินค้า GI แล้วมี 2 สินค้า ได้แก่ เส้นไหมไทยพื้นบ้านอีสาน และกาแฟดงมะไฟ ซึ่งล่าสุดมีคำขอที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ 3 สินค้า ได้แก่ ไวน์เขาใหญ่ กาแฟวังน้ำเขียว และข้าวหอมมะลิทุ่งสัมฤทธิ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่อาคารสุรสัมมนาคาร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ซึ่งเป็นสถานที่ในการจัดประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรวันนี้ ได้เตรียมความพร้อมและมีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจประจำทุกจุดตลอดเส้นทาง ตั้งแต่บริเวณทางเข้ามหาวิทยาลัย และเมื่อนายกรัฐมนตรีพร้อมคณะมาถึง จะเยี่ยมชมนิทรรศการแสดงผลงานวิจัยเด่นของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี และสินค้า OTOP เมืองโคราชก่อนที่จะเริ่มประชุม ครม.สัญจร