นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรมีมติอนุมัติการแสดงเจตจำนงในการร่วมมือกับองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ในการดำเนินโครงการ Country Programme ในโอกาสที่เลขาธิการ OECD จะเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในระหว่างวันที่ 23-25 ส.ค.นี้
โดยใน 3 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง จึงทำให้ OECD ขอชะลอการดำเนินโครงการนี้ออกไปก่อน แต่วันนี้ OECD ได้พิจารณาแล้ว โดยมีความเข้าใจและเชื่อมั่นต่อกระบวนการปฏิรูปของไทย รวมถึงการพัฒนาทางการเมืองของไทยที่เป็นบวกอย่างชัดเจน คณะกรรมการ OECD จึงมีมติอย่างเป็นทางการให้รื้อฟื้นการทำงานดังกล่าวร่วมกับประเทศไทย โดยให้โครงการ Country Programme กลับมาอีกครั้ง และต้องการเห็นไทยกลับเข้าสู่การทำโครงการนี้กับ OECD
สำหรับโครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อจะกระชับความร่วมมือกับไทยอย่างบูรณาการ โดย OECD จะให้คำปรึกษาและข้อเสนอแนะในการปฏิรูปนโยบายด้านต่างๆ ที่ฝ่ายไทยประสงค์ให้เป็นไปตามหลักการสากลมากขึ้น
"วันนี้ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในเอเชียที่ไม่เป็นสมาชิกและเข้าสู่โครงการนี้ และในอนาคตถ้ามีการดำเนินโครงการนี้ไปแล้ว ก็จะเป็นพื้นฐานความพร้อมให้ประเทศไทยออกจากการเป็นประเทศที่ติดกับดักรายได้ปานกลาง ก้าวสู่การเป็นประเทศที่พัฒนา และสามารถก้าวสู่การเป็นสมาชิก OECD ต่อไป" นายกอบศักดิ์กล่าว
พร้อมระบุว่า โครงการที่ OECD ตั้งใจจะดำเนินการมีทั้งหมด 16 โครงการ โดยทำงานร่วมกับกระทรวงและหน่วยงานต่างๆ ประกอบกับแผนยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี, Thailand 4.0 และเป้าหมายการพัฒนาประเทศที่ยั่งยืน ซึ่งรัฐบาลได้รับทราบแนวทางการดำเนินโครงการดังกล่าว พร้อมแจ้งความประสงค์ที่จะขอรับการช่วยเหลือจาก OECD ใน 4 เรื่องสำคัญ คือ 1. ธรรมาภิบาลภาครัฐและความโปร่งใส 2.สภาพแวดล้อมทางธุรกิจและความสามารถในการแข่งขัน 3.ประเทศไทย 4.0 และ 4.การเติบโตอย่างทั่วถึง
"ทั้งหมดนี้จะเริ่มดำเนินการในปี 61 และใช้เวลาประมาณ 3 ปี และต่อสัญญาได้รอบละ 3 ปี ถ้าเราทำไปแล้ว มาตรฐานไทยจะไปสู่สากลมากขึ้น ก็จะเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญที่จะนำไปสู่การได้รับการพิจารณา ในเรื่องการก้าวเข้าสู่การเป็นสมาชิก OECD ได้ ซึ่งถือว่าเป็นความคืบหน้าครั้งสำคัญ" ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีระบุ