ศาลปกครองกลางนัดอ่านคำสั่งศาลปกครองสูงสุดในคดีที่ นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.คลัง ยื่นฟ้อง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กับพวกรวม 2 คน กรณีกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายโดยไม่รับเรื่องร้องเรียนไว้พิจารณาไต่สวนข้อเท็จจริง ในวันที่ 8 กันยายน 2560 เวลา 11.00 น.
โดยนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ฟ้องว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.กับพวกรวม 2 คน มีคำสั่งตามหนังสือที่ ปช 0012/1434 ลงวันที่ 21 ต.ค.2559 ไม่รับเรื่องร้องเรียนของผู้ฟ้องคดีไว้ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย กรณีผู้ฟ้องคดีได้กล่าวหาร้องเรียนคณะรัฐมนตรี คณะกรรมการนโยบายทุนรัฐวิสาหกิจฯ ว่าละเว้นไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับการแปรรูปการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย และกล่าวหานายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมว.พลังงาน ว่าดำเนินการนำส่งท่อก๊าชธรรมชาติไม่ครบตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด คดีหมายเลขแดงที่ ฟ.35/2550 แต่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 กลับมีคำสั่งดังกล่าวโดยอ้างว่าไม่ปรากฏพฤติการณ์แห่งการกระทำความผิดชัดเจนเพียงพอที่จะดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงได้ เป็นเหตุให้ผู้ฟ้องคดีได้รับความเดือดร้อนเสียหาย
คดีนี้ ศาลปกครองกลางมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องนี้ไว้พิจารณา และจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ เนื่องจากพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ผู้ฟ้องคดีได้มีหนังสือร้องเรียนฉบับลงวันที่ 27 เม.ย.2558, วันที่ 22 พ.ค.2558 และวันที่ 15 ธ.ค.2558 ถึงผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ขอให้ตรวจสอบการกระทำของคณะรัฐมนตรี คณะกรรมการนโยบายทุนรัฐวิสาหกิจ และคณะกรรมการเตรียมการจัดตั้งบริษัทปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย และนายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมว.พลังงาน กับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดคดีหมายเลขแดงที่ ฟ.35/2550 ลงวันที่ 14 ธ.ค.2550 ว่า ดำเนินการนำส่งท่อก๊าซธรรมชาติไม่ครบถ้วนตามคำพิพากษาดังกล่าว
ต่อมาผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 มีหนังสือลงวันที่ 21 ต.ค.2559 แจ้งผู้ฟ้องคดีว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 มีมติไม่รับเรื่องร้องเรียนดังกล่าวของผู้ฟ้องคดีไว้ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงตามระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ว่าด้วยการแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐาน พ.ศ.2554 ข้อ 13 โดยเห็นว่าพฤติการณ์ตามที่ผู้ฟ้องคดีร้องเรียนไม่ได้เป็นเรื่องของการใช้อำนาจหน้าที่ราชการในตำแหน่งของผู้ถูกกล่าวหา จึงเห็นได้ว่าผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ได้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ที่บัญญัติไว้ในมาตรา 84 มาตรา 88 ประกอบมาตรา 45 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 แล้ว จึงเป็นกรณีที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ได้พิจารณาข้อเท็จจริงจากคำร้องเรียนและวินิจฉัยชี้ขาดข้อร้องเรียนดังกล่าวโดยมีมติไม่รับเรื่องร้องเรียนของผู้ฟ้องคดีไว้พิจารณา มีผลให้ข้อกล่าวหาตามเรื่องร้องเรียนของผู้ฟ้องคดีเสร็จสิ้นไป อันมีลักษณะเป็นการใช้อำนาจของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ตามมาตรา 91 แห่ง พ.ร.บ.ดังกล่าว มิใช่การใช้อำนาจทางปกครองแต่อย่างใด จึงมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องนี้ไว้พิจารณา และจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ ผู้ฟ้องคดีจึงยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลปกครองกลางต่อศาลปกครองสูงสุด