พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีชาวบ้าน ม.14 ต.หนองม่วง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว เข้าร้องเรียนกับผู้สื่อข่าวว่า ก่อนหน้าที่พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปมอบหนังสืออนุญาตให้สถาบันเกษตรกรเข้าทำประโยชน์ในเขตที่ของ ส.ป.ก. เมื่อวันที่ 28 ส.ค.60 นั้น ได้มีการสร้างถนนเข้าหมู่บ้าน พร้อมกับติดตั้งระบบไฟฟ้าและน้ำประปา แต่หลังจากที่นายกรัฐมนตรีเดินทางกลับ เสาไฟฟ้าได้ถูกรื้อถอน และระบบประปาถูกตัดขาด ว่า
“เรื่องดังกล่าวอาจเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนของผู้ร้องเรียน ซึ่งไม่ถือว่าผิดหรือถูก แต่เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องชี้แจงอธิบายความให้เกิดความกระจ่าง โดยทางจังหวัดสระแก้วได้รายงานว่า ขณะนี้พื้นที่จัดสรรที่ดิน ส.ป.ก. ม.14 ต.หนองม่วง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ยังไม่มีการขยายเขตไฟฟ้าและประปาเข้าไปในพื้นที่แต่อย่างใด เนื่องจากยังไม่มีประชาชนหรือเกษตรกรตั้งบ้านเรือนอยู่อาศัยในบริเวณนั้น
กรณีที่มีกระแสไฟฟ้าใช้ในวันที่นายกรัฐมนตรีไปปฏิบัติภารกิจในพื้นที่นั้น การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอรัญประเทศได้ปักเสาไฟฟ้าและพาดสายไฟฟ้าชั่วคราว พร้อมทั้งนำเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเคลื่อนที่ไปติดตั้งสำหรับการใช้งาน ส่วนระบบน้ำที่นำมาใช้เป็นเพียงการต่อท่อลงในแปลงเกษตร เพื่อสาธิตให้เห็นถึงต้นแบบการดำรงชีวิตของเกษตรกรที่เหมาะสมว่าควรเป็นเช่นไร โดยนำน้ำมาจากถังน้ำที่รถบรรทุกขนส่งน้ำไปเติมไว้ก่อนแล้ว ร่วมกับการใช้กระแสไฟฟ้าจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสูบน้ำไปใช้ในพื้นที่ และเมื่อเสร็จภารกิจเจ้าหน้าที่จึงได้รื้อถอนระบบกลับคืน"
สำหรับกรณีวัวประชารัฐขาดน้ำกินนั้น สำนักงานปศุสัตว์ จ.สระแก้ว ยืนยันว่า วัวประชารัฐทุกตัวได้รับการดูแลเป็นอย่างดีทั้งในเรื่องอาหารและน้ำ
อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ ผวจ.สระแก้ว ได้นำคณะเจ้าหน้าที่ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สาขาอรัญประเทศ นายอำเภอโคกสูง นายก อบต.หนองม่วง กำนัน ต.หนองม่วง ไปพบชาวบ้าน เกษตรกร และผู้สื่อข่าวในพื้นที่ เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจในรายละเอียดทั้งหมด ณ หอประชุมอำเภอโคกสูง พร้อมกับยืนยันว่าหากมีประชาชนปลูกที่อยู่อาศัยในพื้นที่ดังกล่าวและมีเลขที่บ้านแล้ว ก็สามารถยื่นความจำนงขอติดตั้งระบบไฟฟ้าและประปาถาวรได้ตามระเบียบของทางราชการ
"พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยทั้งการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่และความรู้สึกของพี่น้องประชาชนจึงได้กำชับว่า ในโอกาสต่อไป ขอให้เจ้าหน้าที่เตรียมการเท่าที่จำเป็นและดำเนินการด้วยความระมัดระวัง หากมีการเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ที่อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดหรือกระทบความรู้สึกของประชาชน ก็จะต้องชี้แจงทำความเข้าใจด้วยความรัดกุม ทั้งก่อนและหลังการปฏิบัติงาน เพราะการทำงานจริงมีการบูรณาการ ของหลายหน่วยงาน ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในลักษณะเช่นเดียวกันนี้อีก"